วันจันทร์ที่ 3 มกราคม 2565 ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี อดีตพระครูอาภัสร์วชิรานันท์ เจ้าคณะตำบลนาบ่อคำ เขต 3 เจ้าอาวาสวัดปางขนุน อ.เมืองกำแพงเพชร ได้ลาสิกขา หลังที่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้าขาว) ที่โยมนำมาไหว้ญาติที่ล่วงลับไปแล้วนั้น
ด้วยตามคำสั่งมหาเถรสมาคม เกี่ยวกับการดื่มสุรา มหาเถรสมาคม ได้มีคำสั่ง เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรฉันยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2521 ไว้ในข้อ 4 ว่าห้ามพระภิกษุ-สามเณร ฉันยาที่มีคติเหมือนสุราเมรัยและยาเสพติดให้โทษที่มีคติอย่างเดียวกัน (ยกเว้นปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์เพื่อรักษาโรค)
หลักปฏิบัติสำหรับพระภิกษุสามเณรที่ประพฤติฝ่าฝืน คือ 1.) ถ้าไม่ได้เป็นพระสังฆาธิการ ให้เจ้าอาวาสเจ้าสังกัด สั่งพระภิกษุสามเณรรูปนั้น ให้เลิกกระทำเสีย หากยังฝ่าฝืนอีก ให้ขับเสียจากวัด และบันทึกในหนังสือสุทธิด้วย แล้วรายงานเจ้าคณะจังหวัดทราบ 2.) ถ้าเป็นพระสังฆาธิการ ให้เจ้าคณะเจ้าสังกัด พิจารณาโทษ ฐานละเมิดจริยาของพระสังฆาธิการตามควรแก่กรณี
อย่างไรก็ตามในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้า ทรงประทับอยู่โฆสิตาราม เมืองโกสัมพีทรงปรารภพระสาคตะเถระเรื่องดื่มสุรา พระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกษุดื่มสุรา (น้ำเมาที่กลั่น) และเมรัย (น้ำเมาที่หมักหรือดอง) ทรงปรับอาบัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ล่วงละเมิด
ทั้งนี้คณะสงฆ์ ได้กำหนดเป็นโทษทางพระธรรมวินัย เกี่ยวกับการดื่มสุราของพระภิกษุ-สามเณร ประกอบด้วย 1.) พระภิกษุดื่มน้ำเมา ต้องอาบัติปาจิตตีย์ (นวโกวาท สุราปานวรรค ข้อที่ 1) และ2.) พระมหาสมณวินิจฉัย บัญญัติไว้ว่า ตามโทษในพระวินัยปรับเพียงอาบัติปาจิตตีย์ก็จริง แต่เป็นความประพฤติเลวทราม ไม่สมควรแก่สมณะ ไม่ควรอยู่ในเพศบรรพชิตต่อไป ควรแนะนำให้สึกเสีย ถ้าไม่สึกตามคำแนะนำ จงบังคับจับสึก (พระมหาวินิจฉัย คำวินิจฉัยการสงฆ์รับสั่งพิเศษ)
ดร.เพชรวรรต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตน ขอชื่นชมอดีตพระครูอาภัสร์วชิรานันท์ เจ้าคณะตำบลนาบ่อคำ พร้อมพระสงฆ์อีก 2 รูปได้ลาสิกขา ที่ลาสิกขา เพื่อแสดงสปิริต ในฐานะเป็นเจ้าคณะปกครอง ที่จะไม่เป็นแบบอย่างให้กับลูกศิษย์ลูกหา ซึ่งความผิดดังกล่าวเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ก็ยังสามารถกลับมาบวชเป็นพระได้เพราะไม่ได้เป็นอาบัติขั้นปาราชิก แต่ทั้งนี้หากถูกใส่ความก็สามารถต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายได้
Leave a Reply