วันที่ 7 ส.ค.2562 พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายคณะรัฐมนตรีกับกิจการคณะสงฆ์ความว่า “จากการที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับ ดูแลและสั่งการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) นั้น ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายเทวัญ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ในส่วนของพระสงฆ์นั้นได้หารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้วมีเรื่องของบัตรประจำตัวประชาชนและการจะเปิดศูนย์ออนไลน์รับเรื่องราวต่างๆของพระสงฆ์นั้น
ในเรื่องเปิดศูนย์ออนไลน์นั้นเป็นแนวคิดที่ดี เป็นประโยชน์ต่อการที่จะช่วยกันดูแลพระสงฆ์ให้ประพฤติปฎิบัติให้เรียบร้อย แต่อยากฝากว่า ระวังจะเป็นดาบสองคม เพราะการที่จะวินิจฉัยว่าพระสงฆ์สามเณรทำแบบนั้นแบบนี้เหมาะสมหรือไม่อย่างไรนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เปราะบางและโดยเฉพาะฆราวาสญาติโยมจะเป็นผู้วินิจฉัยลงความเห็นก็ยิ่งน่าเป็นห่วงและพระก็อาจจะมองว่าเหมือนถูกจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลา จากใครบ้างก็ไม่รู้ในโลกโซเชียลสมัยใหม่ บางทีก็อาจจะกลายเป็นการกลั่นแกล้ง จับผิดหรือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้แม้พระสงฆ์จะเป็นบุคคลสาธารณะก็ตาม
ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือจะทำอย่างไรภาครัฐ รมต.หรือสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติจึงจะเป็นผู้ช่วยสนับสนุนให้คณะสงฆ์ได้ปกครองกันเองอย่างมีประสิทธิภาพตามหลักพระธรรมวินัยนั่นจะสำคัญมากกว่า และในขณะนี้ประเทศไทยเราก็ยอมรับว่ามี 5 ศาสนาหลักในประเทศแต่ศูนย์ออนไลน์ควบคุมนักบวชในทางศาสนากลับจะมีเฉพาะศูนย์ควบคุมพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเท่านั้น
ประเด็นต่อมาทำอย่างไร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงจะช่วยคณะสงฆ์ในกิจการสำคัญๆ เช่น
1.การศึกษาสงฆ์ ทั้งแผนกนักธรรม ธรรมศึกษา บาลี ปริยัติสามัญ โรงเรียนการกุศล ศูนย์เด็กเล็ก รวมทั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่งด้วย
2. การเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีเอกภาพและประสิทธิภาพรวมทั้งกระบวนการผลิตพระนักเผยแผ่และช่องทางที่จะสื่อถึงผู้คนให้ได้ไวและกว้างขวางมากขึ้น
3. การพระศาสนาในต่างประเทศ เรามีวัด พระสงฆ์ ชาวพุทธกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมของโลก และชาวต่างชาติก็สนใจเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น เรื่องนี้จะสนับสนุนบริหารจัดการอย่างไร
4.การส่งเสริมการวิปัสสนาธุระ ให้เข้มแข็ง มีเอกภาพและสามารถเป็นโอสถที่สำคัญให้กับชาวไทยและต่างประเทศทั่วโลก
ฝากท่านรัฐมนตรีเทวัญ ว่าท่านมีความตั้งใจดีต่อพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง แต่การคณะสงฆ์นั้นมีหลากหลายมิติ อยากให้ท่านได้ใช้สัมมาทิฎฐิที่มีอยู่ศึกษา ใคร่ครวญตามหลักโยนิโสมนสิการ ให้รอบคอบ กราบหารือมหาเถรสมาคม แล้วค่อยออกมาเป็นนโยบาย ภายใต้ปรัชญาที่ว่า องค์กรไหนย่อมมีสิทธิปกครองตนเอง อย่าให้เป็นว่าฆราวาสมาปกครองพระ”
Leave a Reply