วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 พระปราโมทย์ วาทโกวิโท, ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เลขานุการศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28-30 มีนาคม 2565 มีการจัดฝึกอบรมโครงการพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาด รุ่นที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2564 โดยมุ่งด้านพฤติกรรมสะอาด ภายใต้ “การพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาดเพื่อการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเสริมสร้างชุมชนสังคมสันติสุข” ผ่านกระบวนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ ขับเคลื่อนพัฒนากายสะอาด พฤติกรรมสะอาด จิตใจสะอาด ปัญญาสะอาด ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิต่อต้านการทุจริต หลักสูตรสันติศึกษา วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ และศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มูลนิธิโพลวพลือ (ทางสว่าง) สถาบันพัฒนาศักยภาพพลังจิตใต้สำนึก และบริษัท ไลค์ เลิร์นนิ่ง (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ห้องสัมมาปัญญา ชั้น 4 อาคารพระพรหมบัณฑิต วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระสงฆ์พื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สระบุรี เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช กรุงเทพมหานคร จำนวน 30 รูป โดยมีมาตรการป้องกันโควิดตามกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
โดยได้รับควาเมตตาจากพระครูวิสิฐพัฒนพิธาน เจ้าอาวาสวัดพะยอม เจ้าคณะอำเภอวังน้อย พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์เปิดโครงการพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาด กล่าวประเด็นสำคัญว่า พระสงฆ์จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนโดยเป็นพระสงฆ์นักไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในการยุติข้อพิพาทในชุมชน ซึ่งในชุมชนมีประเด็นเรื่องของการฟ้องร้อง ร้องเรียนหลากหลายเรื่อง ศูนย์ไกล่เกลี่ยขอพิพาทภาคประชาชนจึงมีความจำเป็นมากในชุมชน ทำให้มีการพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาดให้มีเครื่องมือในการอยู่ร่วมในชุมชนช่วยเหลือชุมชน เพื่อสร้างความสะอาดในชุมชนจะต้องมีกุสโลบายในการประนีประนอม โดยมองผ่านอริยสัจ 4 ในทางพระพุทธศาสนาโดยพระสงฆ์จะต้องเข้าใจเครื่องมือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชน สามารถวิเคราะห์ความขัดแย้งในชุมชน นำไปสู่การสร้างความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย จากนั้นท่าน ดร.ประหยัด พวงจำปา รองประธานกรรมการมูลนิธิต่อต้านการทุจริต และรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานฝ่ายฆราวาสกล่าวถึงภารกิจสำคัญของมูลนิธิในมิติเชิงป้องกันการทุจริต ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ของมูลนิธิต่อต้านการทุจริตที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาพระสงฆ์ช่อสะอาด
ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต เป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อเรื่อง “พระสงฆ์ช่อสะอาดกับการเสริมสร้างสังคมสันติสุข” กล่าวประเด็นสำคัญว่า ศีล 5 เป็นฐานสำคัญในการป้องกันการทุจริต โดยพึงระวังวาจาเท็จหรือวาจาอย่างวัสสการพราหมณ์ที่สร้างความแตกสามัคคีในชุมชนสังคม ซึ่งฝากย้ำเตือนผู้นำศาสนาสร้างเครือข่ายแห่งความสามัคคีในชุมชนสังคมไทย โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย ศีล 5 ฆราวาสธรรม สาราณียธรรม อปริหานิยธรรม ทางมูลมูลนิธิต่อต้านการทุจริตไม่ทิ้งผู้นำทางศาสนามุ่งสร้างวัฒนธรรมสุจริตธรรมในชุมชนและสังคมรวมถึงประเทศชาติ
จากนั้นพระครูปลัดปัญญาวรวัฒน์ (หรรษา ธมฺมหาโส), ศาสตราจารย์ ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ และผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สันติสนทนา “พระสงฆ์กับการพัฒนาช่อสะอาดในชุมชนผ่านกายสะอาด พฤติกรรมสะอาด จิตสะอาด ปัญญาสะอาด” กล่าวประเด็นสำคัญว่า พระสงฆ์ช่อสะอาดคือ พระสุจริตซึ่งสอดรับกับพระธรรมวินัย โดยมีฐานแห่ง “ความดี ความงาม และความง่าย” ซึ่งคำว่าพระแปลว่าผู้ประเสริฐ คิดประเสริฐ พูดประเสริฐ ทำประเสริฐนำไปสู่การพัฒนาฐานกายสะอาด พฤติกรรมสะอาด จิตใจสะอาด และปัญญาสะอาด โดยใช้ฐานของพระพุทธเจ้าซึ่งพระพุทธจ้าทรงใช้ชีวิตที่ทรงพลัง และท่าน ดร. ธปภัค บูรณะสิงห์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม สะท้อนเรื่องบทบาทพระสงฆ์กับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในชุมชนและสรุปสาระสำคัญของพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ๒๕๖๒ กล่าวประเด็นสำคัญว่า ชุมชนช่อสะอาดจะต้องใช้สันติวิธี เพราะเมื่อชุมชนเกิดความขัดแย้งพระสงฆ์จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเพื่อหาทางออกของความขัดแย้งในชุมชน ผ่านเครื่องมือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในมิติพฤติกรรมสะอาด ถือว่าเป็นการป้องกันความขัดแย้ง แก้ไขความขัดแย้ง เยียวยาความขัดแย้ง และรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ
พระครูปลัดอดิศักดิ์ วชิรปญฺโญ, ดร. อาจารย์ประจำหลักสูตรสันติศึกษา มจร ประธานมูลนิธิโพลวพลือ (ทางสว่าง) และเจ้าอาวาสวัดสารอด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพระสงฆ์รุ่นใหม่สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานสำหรับพระสงฆ์ช่อสะอาดให้ทำงานอย่างมีอุดมการณ์ สร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวัดต้นแบบช่อสะอาดผ่านกายสะอาด พฤติกรรมสะอาด จิตใจสะอาด และปัญญาสะอาด โดยให้การสนับสนุนอุปถัมภ์โครงการพระสงฆ์ช่อสะอาด จำนวน 10,000 บาท จึงขออนุโมทนาบุญในครั้งนี้
Leave a Reply