การปล่อยข่าวปลด สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ “สมเด็จชิน” พ้นจากเลขาพระสังฆราช มิใช่เป็นข่าวธรรมดา ที่ผ่านมา “สังฆราชน้อย” ผู้นี้มีบทบาทในวงการสงฆ์มากมาย ทั้งเรื่อง “เงินทอนวัด” เรื่อง “การแต่งตั้งมส.” และรวมทั้ง “สมณศักดิ์ ตำแหน่งทางปกครอง” ในฐานะตำแหน่งแม่บ้าน จึงมีคนวิ่งเข้าหา “บันไดกุฎิ” ไม่เคยแห้ง
แต่สุดท้าย “ปลัดเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย คนสนิทสมเด็จชิน ออกมาสยบข่าวแล้วว่า “ไม่มีอะไรในก่อไผ่” อย่าเชื่อข่าวลือ หวังว่าจะจบอยู่เพียงแค่นี้
ต่อเนื่องด้วย การปล่อยเสียงลับ ที่มีคนสงสัยกันว่าเป็นเสียง “พระครูเล็ก” จริงหรือไม่ ดันไป “แก้ผ้าล่อนจ้อน”กลายเป็น “มหากาพย์” ศึกสายเลือด “สายวัดป่าด้วยกัน” ฆ่าแบบยกแผง ไม่เห็นพระพุทธเจ้า ไม่เห็นแก่ พระพุทธศาสนาเลย..
หากไทม์ไลน์เป็นจริงดังเสียงสนทนาลับนั้นวงการคณะสงฆ์ “บรรลัย” ไม่เฉพาะสายวัดป่า ไม่เฉพาะสายธรรมยุต “เสียหายป่นปี้” ทั้งประเทศ ก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธา กระทบภาพลักษณ์พระพุทธศาสนาในไทยไปทั่วโลก
พระสายวัดป่า “สติหลุด” จับมือกับ “คนหัวดำ” เพื่อตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด และ “ฆ่าพวกเดียวกันเอง” ยิ่งกว่า “หนังจีนกำลังภายใน” อีก
สำหรับคนหัวดำตามชื่อปรากฏในเทปลับนั้น คือชื่อที่ชาวพุทธสงสัยกันมานานแล้วคือกลุ่มบุคคลที่สร้าง “ความปั่นป่วน” ให้กับคณะสงฆ์มาต่อเนื่อง
ชาวพุทธบางกลุ่มเชื่อขนาดว่าบุคคล “อักษรย่อ พ.” นี่แหละตัวการใหญ่ที่ไปจับมือกับกลุ่ม “ต่างศาสนา” เล่นงานพระพุทธศาสนา เล่นงานคณะสงฆ์มาต่อเนื่องโดย..อ้างเบื้องสูง
วกกลับมาที่ “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” หรือ “สมเด็จชิน”
“เปรียญสิบ” เคยเขียน “สามก๊กฉบับคณะสงฆ์ไทย” หากใครเคยอ่าน จะทราบว่าปัจจุบัน “สมเด็จชิน” ถูกถอน “เขี้ยวเล็บ” แล้ว ตั้งอยู่ในสถานะเพียงแค่ “เสนาธิการ” เท่านั้น
ยิ่งกับ “ซุปเปอร์ พ.” ตอนหลัง “สมเด็จชิน” มิใช่จะยอมทำตามทุกเรื่อง จนมีข่าวว่า “ไม่กินเส้น” ต่อกันจนเป็นที่มาของ “ซุปเปอร์บอร์ด 5 เสือ มส.” โดยมี สมเด็จพระวันรัต เป็นประธานใหญ่
ยุคนี้หากไม่พูดถึงอำนาจของคนหัวดำซุปเปอร์ พ. แล้ว อำนาจที่แท้จริงอยู่ใน 3 ก๊กนั่นแล หากเป็นสายธรรมยุตต้อง “ก๊กบางลำพู” เป็น “เสือซ่อนเล็บ” หากเปรียบเทียบกับจอมยุทธก็เสมือนประเภท “กระบี่อยู่ที่ใจ เเม้กิ่งไผ่ก็ไร้เทียมทาน” ผู้ที่ถูกวางให้เป็นว่าที่ “สมเด็จพระสังฆราช” องค์ต่อไป
“สมเด็จชิน” ตอนนี้จึงเป็นแค่ “หมากที่หล่นจากกระดานแล้ว” กำลังจะกลายเป็น “แพะรับบาป” หากยังหลงอยู่กับกลเกมอำนาจของบรรดากลุ่ม “ซุปเปอร์ พ.” ก็อยู่ที่พระคุณเจ้าจะกำหนด “ชะตากรรม” ของตนเองแล้ว
นอกจากมีการปล่อยข่าว “สมเด็จชิน” ถูกพ้นเลขาพระสังฆราชแล้ว แม้แต่ “ตี๋ใหญ่” ก็ได้ข่าว “ถูกดอง” ด้วย
เนื่องจาก “ตี๋ใหญ่” ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับคณะสงฆ์มากมาย เล่นพรรคเล่นพวก ซ้ำมีข่าวซุบซิบให้มือกฎหมาย เข้ามา “จุ้นจ้าน” กับสังคมสงฆ์จนเกินที่จะให้อภัย
การ “ก่อกรรม” แบบนี้แม้จะไปกราบเท้าขอขมาต่อหน้า “พระสมณโคดม” พระองค์ก็คงจะบ่ายหน้าหนี “ไม่ให้อภัย” เนื่องจากการก่อให้เกิด “วิกฤติศรัทธา” ในหมู่ชาวพุทธ ก็เปรียบเสมือนทำลายศาสนาของ “สมณโคดม”
ยิ่งมีข่าวส่งคนของตัวเอง เข้าไปนั่งแท่น “วัดหลวง” ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทั่วกรุง
หากคิดจะ “เลียนแบบ” วัดโพธิ์ท่าเตียน คิดจะเทียบรัศมี “สมเด็จธีร์” ยาก มือคนละชั้น รูปนั้น “เซียนเหนือเมฆ” การเข้าไปนั่ง “วัดหลวงอันดับหนึ่ง” ได้ นอกจาก “เปลี่ยนสีจีวร” แล้ว ไม่มี “มลทิน” อะไรมัวหมองให้ “เจ้าถิ่น” เจ็บช้ำใจ!! ซ้ำแจกจ่าย “ตำแหน่ง-สมณศักดิ์” ให้เจ้าถิ่นอิ่มหนำสำราญถ้วนหน้า
สถาบันสงฆ์ไม่ว่าไอ้อีผู้นั่นเป็นใคร?? คิดจะทำอะไรโปรดดู “จังหวัดกาฬสินธุ์” เป็นแบบอย่าง “พระเดช” ไม่สามารถทาน “แรงศรัทธา” ที่เป็นพระคุณได้
ใครสร้างบาปกรรมไว้กับพระศาสนา…ใครสร้างความมัวหมองกับพระสงฆ์ผู้ครองผ้าเหลืองซึ่งเป็นผ้าแห่ง “ธงชัยแห่งพระอรหันต์”
ไม่ว่าพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์หรือคฤหัสถ์มียศถาบรรดาศักดิ์ใหญ่โตแค่ไหน “ตายไม่ดี” สักคน!!
โดยเฉพาะผู้ที่ยืมดาบให้ “คนดงขมิ้นฆ่ากันเอง” ตายโหงแน่!! พระพุทธศาสนาไม่มีพิธีล้างบาปนะวุ้ย!!
…………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ” : [email protected]
Leave a Reply