วันที่ 12 พ.ค. 65 หลังจากมหาเถรสมาคมมีมติห้าม พระภิกษุไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมือง โดยมีรายละเอียดมติดังกล่าวว่า
1.กรณีพระภิกษุไปเป็นกรรมาธิการ,อนุกรรมาธิการ,ที่ปรึกษากรรมาธิการ ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของบ้านเมือง ซึ่งดำเนินการโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา มอบให้ประธานฝ่ายปกครองที่ มหาเถรสมาคมแต่งตั้งไปพิจารณาเพื่อกำหนดแนวทาง วิธีการหรือวิธีการที่ชัดเจนตำหนิโทษหรือป้องปรามเป็นลายลักษณ์อักษร
2.กรณีที่หน่อยงานราชการที่ขอให้กรรมการมหาเถรสมาคมหรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเป็นที่ปรึกษาหรือกรรมการผู้ทรงวุฒิให้เสนอผ่านมหาเถรสมาคมเป็นผู้พิจารณา
3.กรณีรัฐสภาขอให้มหาเถรสมาคมเป็นกรรมาธิการ, อนุกรรมาธิการหรือที่ปรึกษาในคณะกรรมาธิการมอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้แทนมหาเถรสมาคมและเมื่อดำเนินการในนามมหาเถรสมาคมเรียบร้อยแล้ว ให้รายงานมหาเถรสมาคมทราบ
4.กรณีรัฐสภาขอพระภิกษุรายรูปติดต่อพระภิกษุโดยตรง ให้ปฎิบัติภารกิจฝ่ายการเมือง ให้พระภิกษุรูปนั่นแจ้งผู้บังคับบัญชาผู้ใกล้ชิดทราบและให้ผู้บังคับบัญชารายงานตามลำดับชั้น จนถึงมหาเถรสมาคมเป็นผู้พิจารณา

หลังจากเว็บไซต์ข่าว “Thebuddh” ได้เสนอเผยแพร่มติมหาเถรสมาคมดังกล่าว ออกไป มีคนวิพากษ์วิจารณ์ “มหาเถรสมาคม” อย่างกว้างขวาง เนื่องจากพระภิกษุที่เข้าไปร่วมเป็นกรรมาธิการในรัฐสภา ถือว่าเป็น ตัวแทนของคณะสงฆ์ เป็นปากเป็นเสียงในการที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ รวมทั้ง หากมีผู้เสนอกฎหมายที่ไม่เป็นคุณกับพระพุทธศาสนาหรือคณะสงฆ์พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้คือตัวแทนที่ดีได้สำหรับกิจการพระพุทธศาสนา
และล่าสุดวันนี้ พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และ พระครูปลัดสุวัฒนสัจจคุณ (พระครูปลัดธีรวิทย์) รองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นพระภิกษุที่ได้รับนิมนต์จากคณะอนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ได้ออกแถลงการณ์ ลาออกจากอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการกิจการพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร
ในขณะที่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยเรื่องนี้ว่า มตินี้ถือเหมือนแยกพระออกจากชาวบ้าน เป็นมติอัปยศมาก ในคณะกรรมาธิการศาสนา มีตัวแทนทั้งศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม การที่มหาเถรสมาคมมีมติแบบนี้ ทำให้กิจการพระพุทธศาสนาไปสู่เป้าหมายไม่ได้ ที่คณะกรรมาธิการเราไม่เคยคุยเรื่องการเมือง เรามุ่งแก้ปัญหาคณะสงฆ์ ทำอย่างไรให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยยั่งยืนและมั่นคง ทำอย่างไรพระพุทธศาสนาในบ้านเรานำหลัก “บวร” คือ บ้าน วัด โรงเรียนนำมาเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศชาติได้อย่างเต็มที่ การที่มหาเถรสมาคมมีมติแบบนี้เหมือนทำลายคณะสงฆ์เอง พระที่มาเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการตลอด 3 ปีที่ผ่านมาช่วยเราเต็มที่ได้เยอะด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วัดอยู่ในป่าเป็นหมื่นวัดเราก็ทำให้ถูกต้อง สำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์เข้าไปอยู่ในป่าไม้ของรัฐ เราก็พยายามแก้ให้ บางวัดตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐหลายสิบปีเราก็ไปทำให้มันถูกต้อง เรื่อง พ.ร.บ.พระปริยัติธรรม เราก็ตามแก้ปัญหาให้ แม้กระทั้งพุทธมณฑลจังหวัด พวกเราคณะกรรมาธิการศาสนาก็ได้พระคุณเจ้าเหล่านี้เป็นที่ปรึกษาเป็นที่พึ่ง คอยประสาน คอยให้คำแนะนำ เรื่องแบบนี้ฆราวาสไม่รู้เรื่อง


Leave a Reply