วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 จากกรณี “หมอปลา” จีรพันธ์ เพชรขาว หรือมือปราบสัมภเวสี พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ และฝ่ายปกครอง บุกเข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง ญาณวโร” อายุ 98 ปี พระเกจิชื่อดัง ที่สำนักสงฆ์ พื้นที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก จ.ยโสธร โดยมีการกล่าวหาว่าลวนลามญาติโยมที่เป็นหญิงสาวนั้น
พระเมธีวชิโรดม (ว. วชิรเมธี) ประธานศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมอภิปรายกลุ่มหัวข้อ “หลักปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพและความสามัคคีในยามเกิดความขัดแย้ง”ซึ่งดำเนินรายการโดย พระมหาสุรศักดิ์ ปจฺจนฺตเสโน ผศ.ดร. ผู้อำนวยการสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในการประชุมทางวิชาการ เรื่อง “หลักปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพและความสามัคคีในยามเกิดความขัดแย้ง” ที่วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม 2565 เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชาโลก ประจำปี พ.ศ. 2565 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พฤษภาคม 2565
พระเมธีวชิโรดม ระบุว่า วิธีการปฏิบัตินำไปสู่สันติภาพด้วยกาแก้ปัญหาความขัดแย้งจากระดับโลกผ่านการแก้ปัญหาความขัดแย้งในศตวรรษที่ ๒๑ ไม่ใช่สูตรสำเร็จในการแก้ปัญหาความขัดแย้งเพราะโลกคสามจริงซับซ้อนมาก ประกอบด้วย 1)มองโลกอย่างเป็นองค์รวม แก้ปัญหาการแบ่งแยก ให้มองเป็นพลเมืองของโลกเราเป็นคนเหมือนกัน 2)บ่มเพาะสัมมาทิฐิ ให้ทุกคนมองว่าเราทุกคนเป็นพี่น้อง 3)สร้างกติกาสากลใช้ร่วมกัน โดยทุกคนเคารพกติการ่วมกันคือ สิทธิมนุษยชน ไม่ต้องอ้างอิงศาสนา ยอมรับคนว่าเท่าเทียมกัน 4)ฝึกให้เป็นสันติบุคคล สันติส่วนบุคคลจะเป็นสันติภาพสากลของโลก 5)ส่งเสริมให้โลกเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องปิดกั้นกันมีอิสรภาพในการแสดงออก ให้ความขัดแย้งมาคุยกัน
6)ใช้อริยสัจเชิงสังคม แต่ละประเทศขัดแย้งกันเพราะอะไร มองผ่านอริยสัจคือ ประเด็น สาเหตุ เป้าหมาย และวิธีการเครื่องมือการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ความขัดแย้งแต่ละที่ไม่มีสูตรสำเร็จ 7) ใช้สันติวิธี ไม่ว่าจะขัดแย้งขนาดไหนจะต้องใช้สันติวิธีเท่านั้น จึงมองถึงหมอปลาไม่ใช่แก้ปัญหาทางศาสนา แต่จะเป็นการเพิ่มปัญหาความขัดแย้งให้หนักยิ่งขึ้นเพราะไม่ใช้กระบวนการของสันติวิธี
นายศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การจะแก้ปัญหาความขัดแย้งจะต้องมองความจริงเป็นฐาน เช่น ความไม่เป็นธรรม ความไม่ยุติธรรม จะต้องสร้างความเข้าใจเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา โดยแนวทางการสร้างความสมานฉันท์สามัคคี จะต้องเริ่มด้วย “ความจริง ความยุติธรรม สันติวิธี และเมตตากรุณา”
ผศ.ดร.ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรสันติศึกษา มจร กล่าวประเด็นสำคัญว่า โดยเริ่มจากการสร้างสันติภายในของตนเองก่อนจะปกป้องความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในภายนอก เพราะการเรียนจิตวิทยาอาจจะมุ่งเข้าใจหรือวิเคราะห์คนอื่น แต่การศึกษาพระพุทธศาสนาหรือสันติภายในจะเข้าใจตนเอง ซึ่งเราจะชนะทุกพรรคจะต้องพัฒนาศีล สมาธิ ปัญญา โดยมุ่งวิจัยในมนุษย์คือการฝึกวิปัสสนากรรมฐาน สร้างสันติภายในของตนเอง ด้วยการมีความเย็นจากภายใน โดยเชิญชวนให้สวดบทพาหุง ถอดบทเรียนจากบทพาหุง สันติภายในจึงต้องฝึกอย่างเข้มข้น
ช่วงท้ายมีการถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์สันติภาพในชุมชนและสังคมผ่านการลงมือทำลงมือปฏิบัติ เอาธรรมลงไปทำโดย คณาจารย์ของ มจร ที่ผ่านการวิจัยจากสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มจร และนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาและศิษย์เก่าของ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ดำเนินรายการ โดย พระปราโมทย์ วาทโกวิโท ดร. อาจารย์ประจำหลักสูตรสันติศึกษา มจร เลขาศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร โดยมีคณาจารย์ที่มีผลงานวิจัยดีเด่นของสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มจร ประกอบด้วย พระมหาวิเชียร วชิรธมฺโม ผศ. และคณะ ผศ.ดร.อัครเดช พรหมกัลป์ และคณะ และผศ.ดร.ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ และคณะ ซึ่งมีนิสิตและศิษย์เก่าของหลักสูตรสันติศึกษา ประกอบด้วย พระมหาธีระยุทธ จิตฺตปญฺโญ ดร. ดร.ธปภัค บูรณะสิงห์ และนางสาวสุนันทา เอ๊าเจริญ โดยเป็นการนำเสนอผลงานวิจัยที่ผ่านการทดลอง เป็นงานวิจัยเสพ เป็นพุทธนวัตกรรมและสันตินวัตกรรม



Leave a Reply