ตลาดสุรนารี(โคราช) ทวงถามความยุติธรรม

วันที่ 20 ตุลาคม 2565 เวลา 13.30 น.นายพิชญ์ สนธิ ที่ปรึกษากฎหมายและบริหาร บริษัท ตลาดสุรนารี จำกัด พร้อมผู้ต้องหาทั้ง 28 คน เข้ารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา

นายพิชญ์ กล่าวว่าวันนี้ ผมมาในฐานะผู้ต้องหาและทนายความของผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน เนื่องจากพวกเราได้รับแจ้งเป็นหมายแจ้งผู้ต้องหาให้มาพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อส่งฟ้องให้แก่พนักงานอัยการ คดีดังกล่าวนี้เป็นคดีที่พนักงานสอบสวนได้ดําเนินการมาแล้วประมาณ 6 เดือน ส่งไปที่อัยการ พนักงานสอบสวนมีคําสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่มีมูลแห่งความผิด แต่ด้วยเหตุที่อัยการสั่งฟ้อง พนักงานสอบสวนจึงดําเนินการเรียกผู้ต้องหามาเพื่อดําเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือ และก็ดําเนินการควบคุมและดําเนินการทางกฎหมาย เพื่อดําเนินการส่งฟ้องให้กับอัยการ

นายพิชญ์ กล่าวว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้น เกิดจากการที่ คู่กรณีกับพวกประมาณ 30-50 นาย (ชายชุดดำ) บุกรุกเข้าไปในที่ดินตลาดสุรนคร หรือตลาดสุรนารี อันเป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของเหล่าผู้ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันปล้นทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ ซ่องโจรในครั้งนี้. โดยเข้าไปยึดการครอบครองและพยายามจะใช้กําลังผลักดันเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินออกจากที่ดินตลาดสุรนคร ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ต่อเนื่องวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยเอากําลังพลเข้ามา 30-50 นาย แล้วก็อยู่ต่อจนกระทั่งถึงช่วงประมาณวันที่ 3-4 มกราคม 2564 ในระหว่างนั้นมีการแจ้งความ มีการแจ้งผู้ว่าฯ มีการประชุมกับผู้บังคับการตำรวจ จังหวัดนครราชสีมา ว่าทําไมตํารวจไม่ดําเนินการข้อหาบุกรุกกับทางคู่กรณีในข้อหาที่เขามากระทําการต่อที่ดินกรรมสิทธิ์ของบุคคลที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เหล่านี้

ในขณะที่ตํารวจยังไม่ดําเนินการนั้น เราก็ได้ดําเนินการเพื่อแจ้งบอกว่าให้ออกไปให้ดําเนินการตามกฎหมาย ถ้าคุณคิดว่าคุณมีข้อกฎหมายใดให้ร้องกันที่ศาล ไปต่อสู้กันที่ศาล แต่ในขณะนั้น คู่กรณีพยายามยื้อเราก็แจ้งความบุกรุก ตํารวจก็ไม่กระทําการในฐานะผู้บุกรุกเลย

สุดท้าย เกิดกรณีมีการฟ้องว่ามีการปล้นทรัพย์ เป็นตู้ยาม ซึ่งได้รับมอบมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดีทั้งกลุ่มอาคารทั้งหมดโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของ และอ้างว่ามีการปล้น ป้อมยามพร้อมกับแอร์ที่ติดตั้งที่ป้อมยามนั้น ซึ่งนี้คือ ข้อกล่าวหาในวันนี้ ข้อกล่าวหาแล้วก็มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่าเขาครอบครองอยู่ ซึ่งเขาไม่ได้ครอบครอง แต่เป็นการเข้ามาบุกรุกในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 รอยต่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ของคืนนั้น.

เนื่องจาก คู่กรณีไม่ได้มีสิทธิ์อะไรในที่ดินซึ่งไม่ใช่ของปู่ย่าตายายของพวกเขา. เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์. ซึ่งปรากฏชื่อกรรมสิทธิ์จริงเป็นของนายสนิทกับนางประกอบ สุวรรณชาติ อันเป็นกองมรดกส่งทอดถึงทายาทกลุ่มที่โดนจับกลุ่มนี้

“วันนี้ เรามารับทราบข้อหาในฐานะผู้ต้องหาที่จะต้องถูกฟ้องจากคําสั่งของอัยการสั่งฟ้อง เนื่องจากตํารวจสั่งไม่ฟ้องไปในคดีดังกล่าว ถามว่าคดีต่อไปมันจะเป็นอย่างไร คดีดังกล่าวกรณีจะเกิดขึ้นตรงที่ว่าอัยการใช้ดุลพินิจ ในการสั่งฟ้องมา เราก็ดําเนินการในฐานะประชาชนต่อไปขึ้นสู่ศาล แต่กระบวนการดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าเป็นพนักงานตํารวจ พนักงานอัยการ ถ้าดําเนินการการสอบสวนหรือดําเนินการผิดหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย

“ในวันนี้ เราจึงมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าพนักงานสอบสวนให้ดําเนินการกับพนักงานอัยการ เพราะกลุ่มคนพวกเราเห็นแล้วเชื่อว่าพนักงานอัยการ กระทําการมิชอบด้วยกฎหมาย หากมีการสอบสวนเห็นว่า พนักงานไม่ชอบด้วยกฎหมายจริง ขอให้ดําเนินการอย่างถึงที่สุด จึงได้มาร้องทุกข์ในวันนี้ด้วยกันเช่นกัน”นายพิชญ์ กล่าวและย้ำว่า

“ในฐานะประชาชนธรรมดาไม่มีอาวุธปืนเหมือนทหาร ไม่ได้มีอาวุธปืนเหมือนตํารวจ แต่เรามีรัฐธรรมนูญ มีองค์กรตํารวจ มีองค์กรอัยการ มีองค์กรศาล เป็นองค์กรของประชาชนไม่ใช่ของใคร ในฐานะประชาชนผู้สุจริตเราขอทวงถามความยุติธรรม ถ้าเราผิดจริง ประหารได้เลย ถ้าเราไม่ผิดจริง ดาบนั้น คืนสนองพวกเขา”

นอกจากนั้น ผมยังจะเปิดเว็บไซต์ในอนาคต เพื่อกลั่นกรองคดีของตํารวจ กลั่นกรองคดีของอัยการ กลั่นกรองการพิจารณาคดีของศาล ถ้าตรงไหนไม่ชอบมาพากล ผมจะรวมพลของทั่วทั้งประเทศ เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้สังคมต่อไป

คลิปข่าว…https://youtu.be/OYgd4ejAUOw

Leave a Reply