เปิดใจพระภิกษุเหยื่อไฟใต้ ในขณะที่ ทหาร-ประชาชนรอบค่ายปิเหล็ง ร่วมทำบุญ 2 ศาสนาในวาระ 19 ปีปล้นปืน

วันพุธที่ 4 ม.ค.66   “สำนักข่าวอิศรา” ได้รายงานว่า ที่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ กองพันพัฒนาที่ 4 เดิม ซึ่งชาวบ้านและทหารเรียกกันติดปากว่า “ค่ายปิเหล็ง” ตั้งอยู่ที่หมู่ 7 บ้านปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พ.อ.ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 เป็นประธานในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่กำลังพลที่ล่วงลับจาเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกปล้นค่ายเมื่อวันที่ 4 ม.ค.47 ซึ่งวันนี้ครบรอบ 19 ปีของเหตุการณ์พอดี

โดยมี พ.ท.ณัฐวุฒิ ศรีสังข์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 ข้าราชการทหาร กำลังพลในสังกัด ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่รอบๆ ค่าย เข้าร่วมในพิธี บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งขรึม เงียบสงบ

ในช่วงเช้ามีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป และมีการสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตในหน้าที่ รวมทั้งพิธีละหมาดฮายัต เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกไปจากพื้นที่ รวมทั้งขอพรจากพระเจ้า (อัลลอฮฺ ซ.บ.) ดลบันดาลให้เจ้าหน้าที่และประชาชนไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ ไทยมุสลิมหรือแม้แต่คนที่นับถือศาสนาอื่นๆ ก็ตามเกิดความสงบสุข ไม่เกิดเหตุร้ายรุนแรงในพื้นที่ ให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งมวล

นอกจากนี้ได้มีกิจกรรมจิตอาสาร่วมพัฒนาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ โดยร่วมกันพัฒนาถนน กำแพงรอบค่าย ทาสีกำแพงค่ายร่วมกัน โดยมีการมอบของขวัญวันเด็ก และรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่บริเวณหน้าค่าย เพื่อแบ่งปันความสุขให้กับประชาชนทั้งสองศาสนา

ทั้งนี้ กิจกรรมที่จัดขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อลบความทรงจำที่เลวร้ายจากเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกปล้นปืนจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 “ค่ายปิเหล็ง” เมื่อวันที่ 4 ม.ค.47 ไปจำนวน 413 กระบอก ทั้งยังสังหารทหารประจำคลังอาวุธปืน 4 นาย ประกอบด้วย จ.ส.อ.เสนาะ อินทวิรัตน์ จ.ส.อ.ประพันธ์ ติ้งเพ็ง จ.ส.อ.จำแลง พูลสวัสดิ์ และ จ.ส.อ.สุรินทร์ กาญจนะ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการจุดชนวน “ไฟใต้รอบใหม่” ให้ปะทุขึ้นมาอย่างยาวนานถึง 19 ปีเต็ม สร้างความสูญเสียต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนผู้บริสุทธิ์หลายพันศพ ทั้งยังมีผู้บาดเจ็บนับหมื่น

ในขณะที่สำนักข่าวเดียวการได้สัมภาษณ์ พระสุชาติ อินทันแก้ว อายุ 48 ปี ที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานกว่า 12 ปี หลังจากตกเป็นเหยื่อสถานการณ์ความรุนแรงจาก กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงพระสงฆ์และสามเณรขณะออกบิณฑบาต บนถนนสายโคกโพธิ์-ท่าเรือ เขตเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ หมู่ 7 ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 5 มี.ค.54 ส่งผลให้พระสงฆ์มรณภาพ 1 รูป คือ พระอภิชัย โรจน์รังสรรค์ และยังมีพระสงฆ์ กับสามเณร ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 รูป คือสามเณรสกล เสมสานต์ และ พระสุชาติ อินทันแก้ว

ปัจจุบัน พระสุชาติ อินทันแก้ว ยังคงนอนติดเตียงอยู่ในกุฏิวัดปุราณประดิษฐ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยมี นางพิณโย อินทันแก้ว มารดา วัย 78 ปี คอยดูแลและอยู่เคียงข้างมาตลอด แม้ในวันที่ไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานรัฐและสังคมอีกแล้ว ผิดจากช่วงแรกๆ หลังเกิดเหตุ

พระสุชาติ เล่าว่า ทุกวันนี้ไม่ได้รู้สึกอะไร เฉยๆ เวลาไม่สบายใจก็ได้แต่พูดกับต้นไม้ พูดคุยกับนกผ่านหน้าต่าง เราก็สบายใจที่ได้พูด เขาตอบโต้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราก็สบายใจ แต่สิ่งที่กังวลคือโยมแม่กับโยมพ่อ ตอนนี้โยมแม่ก็ต้องมาดูแลเราไปจนตาย แล้วหลังจากนั้นโยมแม่กับโยมพ่อก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร

“19 ปีที่เกิดเหตุความไม่สงบ ไม่รู้รัฐบาลเขาทำอะไร เหมือนวัวหายแล้วล้อมคอก ถูกยิงเรียบร้อยแล้ว พอเกิดเหตุการณ์ โทรไปหาเจ้าหน้าที่ ล่าช้าไปเยอะ ไม่พร้อมเลย เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ว่าง คนนี้ไม่รู้นอนหลับอยู่ที่ไหน พอไปโรงพยาบาล คนใกล้ตายยังมาถามชื่ออยู่อีก ไม่คิดว่าจะเกิด แต่พอเกิดแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป”

พระสุชาติ เล่าอีกว่า สิ่งที่อยากบอกเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ คือ มีเคสใหม่อย่าลืมเคสเก่า อยากให้เจ้าหน้าที่มาเยี่ยมและให้กำลังใจกันบ้าง 2-3 เดือนสักครั้งก็ยังดี แต่ตอนนี้หายไปเลย ต้องอยู่ตามอัตภาพ ไม่ว่าไทยพุทธหรือมุสลิม ใครที่โดนแบบนี้ ไปไหนไม่ได้เลย สมมติพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ต้องให้พ่อแม่ดูแล ลำบากไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต

ด้าน นางพิณโย อินทันแก้ว อายุ 78 ปี มารดาของพระสุชาติ เล่าว่า ต้องมาอยู่ในวัดเพื่อดูแลพระลูก เนื่องจากต้องนอนติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตอนนี้พระสุชาติเป็นแผลกดทับ ต้องนั่งรถสองแถวไปซื้อยาจากร้านยาปัตตานีมาใส่ให้ ราคา 300 กว่าบาท ใช้ได้ 1 สัปดาห์ ไม่มียาตัวนี้ที่โรงพยาบาล

นอกจากนี้ พระสุชาติก็ยังต้องใช้แผ่นรองที่จะต้องซื้อประจำ ชีวิตก็แค่นี้ ดูแลพระสุชาติ ทำอาหาร ไปซื้อกับข้าว ก็ให้กำลังใจกันและกัน

มารดาพระสุชาติ บอกอีกว่า ถ้าถามสิ่งที่อยากได้ คืออยากให้เกิดความสงบในพื้นที่ จะได้ไปมาหาสู่กันเหมือนเดิม มีอะไรก็แบ่งปันกัน 19 ปีที่ผ่านมา อยากบอกหน่วยงานภาครัฐว่า ประชาชนต้องระวังตัวกันเอง เราเชื่อใครไม่ได้ ขนาดเป็นพระเขาก็ยังทำ

“อยากบอกไปถึงกลุ่มก่อความไม่สงบด้วยว่า ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขเถิด เขามีชีวิต เราก็มีชีวิต ขอให้หยุดก่อเหตุหยุดทำร้าย”

ขณะที่ นายสิระ บุญฤทธิ์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ กล่าวว่า กรณีพระสุชาติ ส่วนตัวได้แวะเวียนไปเยี่ยมให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ อย่างปีใหม่ ก็ช่วยกันเท่าที่พอจะช่วยกันได้ และคอยเป็นกำลังใจให้

“อยากให้พื้นที่สงบร่มเย็นเหมือนก่อน 19 ปีที่ผ่านมา ให้ใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องเหตุการณ์อย่างที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ บางครั้งรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อยๆ อยากให้สงบเร็วๆ ชาวบ้านจะได้ทำมาหากิน ออกไปกรีดยาง พ่อค้าแม่ขายจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข”

สท.โคกโพธิ์ กล่าวอีกว่า อยากให้หน่วยงานรัฐที่ต้องรับผิดชอบ มาดูแลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก มีเหตุการณ์ก็เข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงที หมั่นเข้ามาตรวจสอบมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ

“อยากบอกกลุ่มขบวนการด้วยว่า จริงๆ คนบ้านเราทำคนบ้านเราด้วยกันเอง คนไทยด้วยกัน มีเลือดเนื้อมีชีวิต ขอให้หยุด ไม่อยากให้เกิดเหตุกับชีวิตของคนบริสุทธิ์ในพื้นที่ สงสารพวกเขา หยุดเถอะ พอได้แล้ว”

ที่มา : สำนักข่าวอิศรา

Leave a Reply