วันที่ 16 มิ.ย. 67 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกเอกสารแถลงข่าวกรณีเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้จับกุมนายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ หรือนายสุรเชษฐ์ เจริญเมตตาธรรม อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา หลังหนีคดีทุจริตนานเกือบ 10 ปี
โดยการจับกุมนายเสถียรนั้นเป็นตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ที่ จ.66/2566 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 ,91 ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ,192

เอกสารแถลงข่าวระบุว่านายเสถียร ดำรงคดีราษฏร์ หรือน ายสุรเชษฐ์ เจริญเมตตาธรรม ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา เมื่อปี พ.ศ. 2558 ถูกเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. โดยสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ภ.จว.สงขลา เจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 15และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. จับกุม พร้อมเงินสดของกลาง จำนวน 3.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินทอนของวัดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ที่นายเสถียรฯ ได้ไปเรียกรับ
จากการไต่สวนข้อเท็จจริง พบว่า นายเสถียรฯ ได้ร่วมกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ และนายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในขณะนั้น กับพวก ร่วมกันวางแผนเบียดบังเงินงบประมาณของแผ่นดินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2557 รวม 14 ครั้ง เป็นเงิน 88,900,00 บาท
พฤติการณ์ของนายเสถียรฯ ได้ติดต่อกับเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งโดยตรงหรือโดยผ่านพระชั้นผู้ใหญ่ในอำเภอหรือจังหวัดนั้นๆ ว่าจะโอนเงินงบประมาณโครงการอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัดให้แก่วัดดังกล่าว และเมื่อวัดได้รับเงินแล้วให้โอนเงินบางส่วนกว่าร้อยละ 80 คืนไปยังบัญชีธนาคารของหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ
โดยเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ก็ยินยอมโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของบุคคลดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ วัดที่ได้รับการจัดสรรเงินให้ ไม่ได้มีการจัดทำคำขอรับจัดสรรเงินอุดหนุนตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดไว้แต่อย่างใด
หลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและวินัยกับนายเสถียรฯ แต่นายเสถียรฯ มีพฤติการณ์หลบหนีมาโดยตลอด จนศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ได้ออกหมายจับ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. โดยสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้ทำการสืบสวนเพื่อให้ได้ตัวนายเสถียรฯ มาส่งฟ้องคดีต่อศาลเพื่อรับโทษตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องตลอดมาเกือบ 10 ปี


Leave a Reply