วันนี้ 19 เม.ย. 66 เวลา 14.00 น. ที่แปลงโคก หนอง นา กลันทาปันสุข หมู่ที่ 2 ตำบลกลันทา อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการพัฒนาพื้นที่ตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” โดย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายชูชีพ พงษ์ไชย นายวิฑูรย์ นวลนุกูล นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และคณะผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายเกรียงศักดิ์ สมจิตร นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วยปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ โดยมี นายจรินทร์ รอบการ เจ้าของแปลง ให้การต้อนรับและนำชม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โดยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดทฤษฎีใหม่ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ชนบททั่วประเทศเกิดความสุข ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง เกิดกระบวนการเรียนรู้ การมีส่วนร่วม การพึ่งพาตนเอง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการตนเองและชุมชนให้มีความสุขได้อย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาสามารถดำเนินการได้ประสบผลสำเร็จอันเกิดขึ้นจากองค์ประกอบมากมายหลายส่วน แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ การที่พี่น้องประชาชนเปิดใจยอมรับ และเกิดความเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะเป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนาชีวิตของพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน และไม่เพียงเฉพาะแค่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ยังช่วยทำให้เกิดสังคมแห่งความรักใคร่ สามัคคี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยทำให้สิ่งแวดล้อมในพื้นที่มีสภาวะที่ดีขึ้นเหมือนสภาวะธรรมชาติ สวยงาม ก่อให้เกิดความสุข ด้วยการแบ่งพื้นที่
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ “โคก หนอง นา” ยังสอดคล้องเกี่ยวพันกับเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เช่น การปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ หรือการปลูกไม้ต่าง ๆ รวมถึงการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงกบ เลี้ยงปลา ที่สามารถเก็บพืชผลกินได้ตลอดทั้งปี โดยน้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” แก่พสกนิกร มาขยายผลต่อยอดใน “โคก หนอง นา” ได้อย่างสอดคล้องลงตัว

นายจรินทร์ รอบการ เจ้าของแปลงโคก หนอง นา กลันทาปันสุข กล่าวว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา” ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนา เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ การมีส่วนร่วม การพึ่งพาตนเอง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการตนเองและชุมชนให้มีความสุขได้อย่างยั่งยืน ตนจึงได้มีความสนใจและสมัครเข้าร่วมโครงการฯ เมื่อปี 2564 โดยเมื่อแรกสมัครใช้พื้นที่ 3 ไร่ แต่เมื่อได้ดำเนินการจริง จึงได้ขยายขนาดพื้นที่ โดยปัจจุบันมีพื้นที่รวม 8 ไร่ แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน 30 : 30 : 30 : 10 ตามหลักการโคก หนอง นา คือ 30% แรกสำหรับแหล่งน้ำ ทั้งการขุดบ่อทำหนองและการขุดคลองไส้ไก่ที่ช่วยระบายน้ำรอบพื้นที่ และเป็นแหล่งกักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้ง อีก 30 % สำหรับปลูกข้าว และอีก 30% สำหรับไว้ทำโคกหรือป่า โดยปลูกผักไว้เป็นอาหาร ปลูกไม้ใช้สอย ปลูกยาสมุนไพร ส่วน 10% ที่เหลือ สำหรับเป็นที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งได้มีการปลูกเรือนไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ทางการเกษตร โรงเลี้ยงไก่ มีการทำซุ้มนั่งพักผ่อนมุงหลังคาด้วยหญ้าฟาง
“โดยในพื้นที่แปลงโคก หนอง นา ได้ทำการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผล ตามหลักการป่าไม้ 5 ระดับ คือ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เรี่ยดิน ไม้หัวใต้ดิน หรือป่า 3 อย่าง คือ ใช้สอย ใช้ก่อสร้าง ใช้กิน ประโยชน์ 4 อย่าง คือ พออยู่ พอกิน พอใช้ และเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศ เช่น 1) ไม้สูง ได้แก่ พะยูง มะค่า มะฮอกกานี ยางนา ไม้สัก ไม้แดง 2) ไม้กลาง จำพวก ไม้ผลชนิดที่คนสูงอายุกินได้ ไม่หวานจัด ได้แก่ ลิ้นจี่นครพนม สละอินโด มะยงชิด มะปราง มะยม มะม่วง มะเฟือง มะไฟ มะไฟป่า มะขามเทศ มะพร้าว 3) ไม้เตี้ย ได้แก่ พริก มะเขือ มะกรูด มะนาว 4) ไม้เรี่ยดิน ได้แก่ ฟักทอง ตำลึง และ 5) ไม้ใต้ดิน ได้แก่ กระชาย ข่า” นายจรินทร์ฯ กล่าว


Leave a Reply