“เจ้าคุณประสาร”ออกจากโรงพยาบาลแล้วหลัง “วูบหมดสติ”คาดพักผ่อนไม่เพียงพอ!!

วันที่ 6 มิ.ย. 66  เมื่อช่วงค่ำวันนี้ เฟชบุ๊ค พระราชวัชรสารบัณฑิต  หรือ “เจ้าคุณประสาร”  รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความ ว่า

ขอบคุณ อนุโมทนาขอบคุณทุกท่านนะ ขอบคุณ หลายท่านหลายคนที่ห่วงใยได้โทรมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบว่าจู่ๆทำไมผม/อาตมาเป็นอะไร ทำไมจึงได้ Admit โรงพยาบาล

เริ่มจากเมื่อเช้านี้ก็ยังนั่งสัมภาษณ์ผู้มาสมัครสอบสายวิชาการ และสายปฎิบัติการที่จะเข้ามาเป็นบุคลากรของ มจร ตามปกติ ไม่มีอะไร และพอได้เวลาก็ลุกออกไปเพลและก็ยังฉันได้ ฉันได้โดยไม่มีอาการไดๆที่จะบ่งบอกว่ามีความผิดปกติในร่างกายของเรา ไม่มีเลย สำหรับสถานที่ที่ฉันนั้นอากาศก็ค่อนข้างจะร้อนนิดหน่อยเพราะไม่มีแอร์ทำความเย็นและอยู่ ๆหลังฉันเสร็จยังไม่ได้ลุกไปใหนเลยก็มีอาการหน้ามืด ตัวซีด เหงื่อท่วมตัว อ่อนแรง มึนศีรษะแต่ก็ไม่มีอาการว่าเป็นลักษณะบ้านหมุน พอรู้อาการ รู้ตัวเอง ก็บอกให้ไปเปิดรถจะเข้าไปนั่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืน ยังมีสติดี สองมือจับเก้าอี้ไว้แน่น และอีกสัก 2-3 นาทีต่อจากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงเสียงอะไรเท่าไหร่นัก ประมวลอะไรไม่ค่อยจะได้ ภาพจากจักขุสัมผัส มาสู่รูป จะเบลอ พร่ามัว จะรับรู้อยู่บ้างว่ามีผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาหิ้วปีกทั้งสองข้างไปขึ้นรถ มีคนยืนมองดูเราอยู่หลายคนขณะนั้น นี่คือความทรงจำในตอนชุลมุนนั้น

 คณะรีบพาไปโรงพยาบาลโดยด่วน สัก 20 นาทีก็ไปถึง เข้าไปตึกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน บอกเล่าอาการให้ฟังทั้งคนใข้และคนติดตามช่วยกันกุลีกุจอพยาบาลบอกว่าอาการจากการซักถามนี้ยังไม่มีศักดิ์จะเข้าห้องฉุกเฉินได้ ต้องไปทำบัตร รอคิว ระหว่างรอพระที่ตามไปก็พยายามจะสื่อสารกับพยาบาลว่าอย่างนี้ อย่างโน้น ก็ธรรมดาญาติคนใข้ก็ต้องร้อนตัว ไม่อยากให้รอนาน

พอถึงคิวเรียกก็เข้าไปวัดความดันครั้งที่ 2 วัดไข้ วัดออกชิเจนในเลือดและวัดการเต้นของหัวใจ สักพักคุณหมอผู้หญิงก็เข้ามาซักอาการเบื้องต้นจนได้ความกันแล้วเจ้าหน้าที่ก็พาออกไปเจาะเลือดจากนั้นก็ขึ้นไปพบหมอที่ชั้น 3 (นั่งรถเข็นตลอดเวลาถือว่าเป็นคนใข้เต็มตัว)ได้พบคุณหมอผู้ชายวัยกลางคน ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ซักถาม บอกเล่า วินิจฉัย เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็พาเข็นรถเพื่อจะมารอพบคุณหมอผู้หญิงคนเดิม เพราะผลเลือดบางตัวยังไม่ออก ระหว่างรอเราก็ไม่อยากจะนั่งรถวิลแชร์สักเท่าไหร่นัก ลุกมานั่งเก้าอี้ปกติบ้างและเดินๆอยู่หลายครั้ง จนเจ้าหน้าที่ต้องนิมนต์ให้มานั่งและจะพาลงไปพบคุณหมออีกครั้ง เจ้าหน้าที่หนุ่มที่มาเข็นรถให้นั้นเราเหลือบมองเห็นเขาติดหลังบัตรที่ห้อยคอเป็นโลโก้ทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลเรายังเหย้าเขาว่า แบมือมาให้ดูสิ เขาก็งง ๆ และแบมือออกมา เราบอกว่าใช่แฟนหงส์แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นเพราะมือเป็นมือเปล่าไม่มีถ้วยใดๆติดมือมาเลย แล้วทั้งคนใข้ เจ้าหน้าที่และญาติๆเจ้าของใข้ก็หัวเราะกันลั่น ไม่เครียด เข้าไปพบคุณหมอผู้หญิงคนเดิม คุณหมอบอกถึงผลเลือด ข้อวินิจฉัยและข้อแนะนำเพิ่มเติมเพื่อจะให้เอาผลไปให้ดู ไปพูด ไปพบคุณหมอประจำของเรา หมอประจำที่รักษากันมาหลายปีดีดักแล้ว

 บอกคุณหมอว่าขอกลับวัด ขอไม่ Admit อาการดีขึ้นแล้ว ขอยกเลิกการ Admit คุณหมอก็อนุญาตตามประสงค์ของคนใข้ เข้าไปรับยาและกลับมาพักผ่อนตามคำแนะนำของหมอแล้ว

การอาพาธแบบปัจจุบันทันด่วนในครั้งนี้นั้น ข้อสันนิษฐานส่วนตัว เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ พักผ่อนน้อย พร้อมกันนั้นก็ยังอดอาหารพร้อมกับควบคุมอาหารมากเกินไป มากจนสุดโต่ง ส่วนวิธีการรักษานั้นจะต้องไม่อดและลดอาหารมากมายขนาดนี้ และควรจะมีเวลาพักผ่อนให้มากกว่านี้ พักให้เพียงพอกับร่างกาย ให้ร่างกายมีความสมดุลกันและที่สำคัญคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจะต้องเดินไปตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์คือหลักมัชฌิมาปฎิปทา เดินทางสายกลางนั่นเอง อย่าสุดโต่ง ซึ่งวันนี้ผลนี้ร่างกายก็ได้ตักเตือนเราแล้ว บอกแจ้งเราแล้วและเขาก็จะไม่ให้โอกาสใครพร่ำเพรื่อนักหรอก

บัดนี้ เวลานี้ได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักผ่อนแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น ข้อคิดคติธรรมในชีวิตของเราคือความไม่เที่ยงแห่งสังขาร ในเบญจขันธ์ที่มีอุปาทานนี้เป็นทุกข์นักแล พวกเราท่านทั้งหลายจึงไม่ควรประมาทมัวเมาในชีวิต ในสังขาร มาช่วยกันเร่งขวนขวายสร้างคุณงามความดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่ามัวแต่ลุ่มหลงด้วยอวิชชามืดบอดและขยันสร้างความขัดแย้ง แตกสามัคคีกันอยู่เลย เพื่อนมนุษย์เอ๋ย..

Leave a Reply