วันที่ 17 พ.ย. 66 วานนี้ รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 นำเสนอรายงานพิเศษ ปัง! น้องไนซ์ เด็กมีของ เจอจับผิดอ้างธรรมะมั่ว นักบุญ หรือพวกลวงโลก
น้องไนซ์ “นิรมิตเทวาจุติ” ถือเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่ของสังคมไทย เมื่อผู้ใหญ่แห่ไปกราบไหว้ปลกๆ เด็ก ป.1 ป.2 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ในแง่ความมหัศจรรรย์น่าทึ่งในตัวน้องไนซ์ ก็ต้องยอมรับว่า น้องเป็นเด็กมีของ เพราะเด็กอายุแค่ 7-8 ขวบ ถ้าเป็นสมัยก่อน ก็ต้องพูดว่า ยังเล่นดีดลูกหิน โดดยาง กันอยู่เลย
แต่น้องไนซ์กลับพูดเรื่องศาสนาอย่างฉาดฉาน ถึงขั้นสามารถสอนผู้ใหญ่ได้รู้จัก “อริยสัจ 4” คืออะไร?
เราได้เห็นภาพที่ไม่เคยคาดคิดจะได้เห็น เด็กน้อยนั่งทำวิปัสสนากรรมฐาน ท่ามกลางกองตุ๊กตาตัวโตๆ รอบกาย ไม่จำเป็นต้องมีบรรยากาศอันสงบสงัด วิเวกวังเวง แบบวัด หรือตามป่าเขา หนูน้อยก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ชิลๆ
ความปังของน้องไนซ์ ส่วนหนึ่งเกิดจากการทำสื่อที่โดนใจผู้ชมได้สำเร็จ โดยช่องทางแรกที่น้องไนซ์สามารถแจ้งเกิด จนเป็นที่รู้จักวงกว้าง ก็คือติ๊กต่อก จากนั้นก็กระจายไปยังเฟซบุ๊ค และยูทูบ
ซึ่งคนทำสื่อ ต้องไม่ใช่น้องไนซ์อยู่แล้ว แต่น่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ที่ส่งเสริมลูกให้มาทางนี้ อย่างสุดตัว
น้องไนซ์ไม่เพียงแต่มีคำสอนทางพุทธอย่างเดียว แต่ยังมีสตอรี่จากปากพ่อแม่ ในเชิงปาฏิหาริย์ หรือเป็นผู้วิเศษด้วย
สตอรี่นั้น เล่าว่า ตอนอายุแค่ 3 ขวบ น้องก็เริ่มบอกว่าตัวเองเป็นลูกของพระพุทธเจ้ามาเกิด มาช่วยพาคนไปสู่ยุคพระศรีอาริย์
พ่อแม่คนไหนได้ยินลูกน้อยตัวเอง พูดซะขนาดนี้ ก็คงไม่มีทางที่จะไม่เชื่อ ว่าลูกของตัว เป็นผู้มีบุญมาเกิด
มีสตอรี่ด้วยว่า ในวันอาสาฬหบูชา ปี 2558 น้องไนซ์ทำท่าจะเกิดก่อนกำหนดในวันสำคัญทางพุทธศาสนานั้น ถึงขั้นปากมดลูกคุณแม่เปิดแล้วด้วย
แต่คุณหมอก็ช่วยให้เด็กอย่ารีบเกิด ให้อยู่ต่อในครรภ์จนครบกำหนดในอีก 1 เดือนต่อมา
พอเริ่มปังเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ลำพังสอนธรรมะ “ออนไลน์” ทางติ๊กต่อก ก็ไม่พอต่อความต้องการของสายธรรม น้องไนซ์จึงมีกิจรับเชิญไปบรรยายธรรมนอกสถานที่แบบ “ออฟไลน์” แทบจะกลายเป็นเดินสายพูดแล้ว ณ เวลานี้
แน่นอนว่า พอเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างศาสนา การตรวจสอบย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เริ่มตั้งแต่คอมเมนต์ในโลกโซเชียล ที่มองเป็นความพิลึกเกินจะยอมรับได้
และก็มีคนที่ไล่ตรวจสอบไปถึงแต่ละคำแต่ละประโยค ที่น้องไนซ์เทศนาออกมา
กระแสต่อต้านจึงเริ่มก่อตัวขึ้น และก็เริ่มส่อเค้าบานปลาย เมื่อฝ่ายพ่อแม่น้องไนซ์เอง ถึงขั้นต้องพึ่งบริการทนายความ บุกไปแจ้งความ บก.ปอท. เอาผิดพวกที่มาบูลลี่น้องไนซ์ และยังงัดเอากฎหมายคุ้มครองเด็ก มาเป็นเกราะป้องกันตัวให้น้องไนซ์อีกชั้นหนี่ง
ไม่ใช่ไปแค่ทนาย และพ่อแม่ แต่ยังมีมวลชนนับร้อย ไปชูป้ายสนับสนุนน้องไนซ์ ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส
รูปการณ์ก็คล้ายความขัดแย้งในวงการสงฆ์ที่ผ่านมา คือ เวลามีการตรวจสอบพระสงฆ์นอกรีตทีไร ก็ต้องมีสานุศิษย์ออกมาลุกฮือ ลุยชนกับทุกคนที่ขวางหน้า ด้วยศรัทธาแรงกล้า มั่นใจในวิจารณญาณของตัว
คำพูดของสาวกน้องไนซ์ ที่เอามาฟาดใส่บรรดาคนที่ข้องใจในตัวน้องไนซ์ ก็จะออกมาอีหรอบเดียวกันอีกต่างหาก คืองัดคำว่า “นรก” มาขู่
แต่คนที่ “ไม่กลัวนรก” ออกมาลุยกับองค์กรของน้องไนซ์แบบเปิดหน้าชน ก็คือ นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร นายกสมาคมไวยาวัจกรแห่งประเทศไทย ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความ
นายศุภภัทร์พจน์ ถึงกับฟันธง จากการติดตามฟังคลิปคำสอนของน้องไนซ์มาตลอด ต้องใช้คำว่า “ผิดทุกคลิป มั่วทุกคลิป” และเข้าข่าย “ลัทธิวิปริตวิปลาส”
โดยเฉพาะการที่น้องไนซ์สอนว่า การนั่งสมาธิ เป็นการ “เชื่อมจิต” ซึ่งนายกสมาคมไวยาวัจกร ระบุว่า ไม่เคยมีคำนี้ปรากฏมาก่อนในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ถือเป็นการประดิษฐ์ธรรมะขึ้นมาใหม่
ประเด็นสำคัญ ที่นายศุภภัทร์พจน์มุ่งตรวจสอบ เป็นเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ เพราะตัวเขาเชื่อว่า ผู้ใหญ่นี่แหละ ที่เป็นคนสร้างตัวตนของน้องไนซ์ขึ้นมา
เวลามีกิจกรรมเดินสายบรรยายแบบ “ออฟไลน์” ก็เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ที่เป็นจัดการให้
“ขณะนี้ผมกำลังตรวจสอบ การให้ข้อมูลผิดๆ และมีการเรียกเงินเรียกทอง และได้มาซึ่งทรัพย์สิน จะมีการเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ หากเข้าข่ายก็จะแจ้งความดำเนินคดี” คำประกาศกร้าวจากนายกสมาคมไวยาวัจกร
ตอนนี้ ก็มีคนแชร์คลิปมาให้ดูกัน พ่อแม่สาบานว่าไม่มีการเรียกรับเงินแม้แต่บาทเดียว แต่ตัวลูก คือ น้องไนซ์ กลับได้รับเงินจากสาวก แบบว่าเดินรับเงินไปตลอดทาง
การจะมีเด็กสักคน หันมาสนใจในพุทธศาสนาแบบน้องไนซ์ ถือเป็นเรื่องดี และหายากมากๆ แต่การจะให้เด็กก้าวข้ามจากเด็กใฝ่ทางพุทธ ไปสู่ความเป็นพระอาจารย์กึ่งผู้วิเศษ ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องระวังมากๆ เช่นกัน
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
Leave a Reply