พระธรรมทูตไทยสายอินเดีย-เนปาล จัดอุปสมบท “มหาวชิราโพธิ” ครบรอบ ๑๔๕ ปี มงคลกาลต้นพระศรีมหาโพธิ์

เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พลอากาศตรี สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้อันเชิญพระไตรและเครื่องไทยธรรม โครงการบรรพชา อุปสมบท ถวายเป็นพุทธบูชา ในโอกาสครบรอบ ๑๔๕ ปี มงคลกาลต้นพระศรีมหาโพธิ์ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา พ.ศ.๒๕๖๗ และน้อมพระราชกุศลอุทิศถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในกาสครบรอบวันพระราชสมภพ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๗ เป็นปีที่ ๑๔๕ ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองพุทธคยา รัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย

โครงการบรรพชา อุปสมบท “มหาวชิราโพธิ” รุ่นที่๑ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๗ โดยการประกอบพิธีปลงผมนาค  ณ มณฑลพิธี บริเวณรอบพระมหาเจดีย์พุทธคยา ณ วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี จ.สมุทรปราการ ประเทศไทย จากนั้นวันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๗ ประกอบพิธีบรรพชา จำนวน ๗๗ รูป และบวชชีพรหมโพธิ จำนวน ๑๓ คน ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยมี พระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เจ้าคณะภาค๗ เป็นประธานฝ่ายบรรพชิต พร้อมด้วยพระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล พระวิเทศวชิรญาณ วิ. รักษาการเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระเถรานุเถระ และข้าราชการ พุทธศาสนิกชน เข้าร่วมพิธี

พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ถวายอดิเรก ถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวอนุโมทนากถาแก่สามเณร และชีพรหมโพธิ ใจความว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ทรงประกาศพระพุทธศาสนาให้ผู้ปฏิบัติตามมีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย ขอบวชในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสนทายาทของพระองค์มาแต่บรรพกาล พระพุทธศาสนาเจริญงอกงามนำสังคมไทยสู่ความเป็นปึกแผ่นสงบร่มเย็นเพราะพุทธศาสนา ที่พุทธบริษัทไทยทั่วโลกพร้อมใจกันยอมรับว่า เป็นศาสนาประจำชาติ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ การบวชได้หยั่งรากลงสู่ฐานของชีวิตอันงดงาม ดั่งกุศลเจตนาอย่างสูงขอรับบรรพชาอุปสมบทภายในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ปัจจุบันยังคงดำรงอยู่เป็นพุทธานุสรณ์ ณ สังเวชนียสถาน เป็นต้นลำดับที่ ๔ ซึ่งถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๓ นับเป็นการเดินตามรอยบาทพระบรมศาสดา โดยการบวชเรียน ศึกษาพระธรรมคำสอน และปฏิบัติตนให้ถึงพร้อมซึ่งไตรสิกขา แสดงความกตัญญูต่อคุณบิดา มารดา สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จัดเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่ เป็นบุญอันประเสริฐ”

พิธีอุปสมบท จัดขึ้นวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๗ ณ พระอุโบสถ วัดไทยพุทธคยา จากนั้นพระนวกะทั้ง ๗๗ รูป พร้อมด้วยชีพรหมโพธิ จำนวน ๑๓ ท่าน จักเดินทางไปยังสังเวชนียสถานทั้งสี่ตำบลเป็นลำดับต่อไป

โครงการบรรพชาอุสมบท “มหาวชิราโพธิ” รุ่นที่ ๑  ถือเป็นโครงการบวชและปฏิบัติธรรม ควบคู่กับการศึกษาพุทธประวัติตามพุทธสถาน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และน้อมระลึกถึงสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล อันเป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า เป็นสถานที่ที่กุลบุตรผู้ปรารถนาจะใกล้ชิดกับพระองค์ ควรมาสักการะ ร้อมระลึกถึงพระวิสุทธิคุณ พระกรุณาธิคุณ และพระปัญญาธิคุณ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระวิเทศวชิรญาณ วิ. รักษาการเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ผู้อำนวยการโครงการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการอุปสมบทนี้ เป็นการบรรพชาอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในโอกาสครบ ๑๔๕ มงคลกาลต้นพระศรีมหาโพธิ์ น้อมเกล้าอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปีที่ ๑๔๕ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ พร้อมทั้งส่งบุญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคลวันเกิด ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๗ พระนวกะและชีพรหมโพธิ ยังได้ใช้เวลาสำคัญนี้ในการขัดเกลาตนเอง ด้วยการฝึกศีล สมาธิ เพื่อเข้าถึงปัญญา เรียนรู้คำสอนของพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาและปฏิบัติ ถือเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะฝึกตนเองให้เป็นคนดีสร้างคุณประโยชน์ของประเทศชาติและพระศาสนาต่อไป”

Leave a Reply