ครบรอบ1ปี รัฐบาล “พรรคเพื่อไทย” ไร้ผลงานงานพระพุทธศาสนา??

“ผู้เขียน” พยายามอยู่เงียบ ๆ กับรัฐบาล ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทย หลังจากเชียร์  “พิชิต ชื่นบาน”  ขึ้นเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว เกิด “อุบัติเหตุการเมือง” ติดขัดด้านกฎหมาย  จำเป็นต้อง..ลุกออกจากตำแหน่งไป

ขณะที่ก่อนหน้านั่น ตอนตั้งรัฐบาลใหม่ ๆ  ก็พยายามเสนอการบ้านกับ “พรรคเพื่อไทย” ในสิ่งที่ควรทำเพื่อความเจริญและความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเสนอข้อมาตรการเชิงรุก เพราะตอนนั้นทราบว่า “พรรคเพื่อไทย” ไม่มีนโยบายอะไรเพื่อพระพุทธศาสนาเลย

“ผู้เขียน” นำการบ้าน “การบ้านพรรคเพื่อไทย” ไปยื่นกับมือตนเองให้กับ “แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรับมนตรีในช่วงที่ดำรงตำแหน่งใหม่ ๆ  ที่ทำเนียบรัฐบาล

สุดท้าย..ทั้งข้อเสนอของผู้เขียนและนโยบายของแจ๋น อีกจำนวน 7 ข้อ หายเข้ากรีบเมฆ

อันนี้ยังไม่นับรวมร่าง พ.ร.บ. 4 ร่าง ที่ตอนพรรคเพื่อไทยเป็น “ฝ่ายค้าน” รับปากว่าเป็นรัฐบาลเมื่อไรจะ “ปัดฝุ่น” ขึ้นมาทันที อันประกอบด้วย คือ  ประกอบด้วย 1.ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา 2.ร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนา 3.ร่างพระราชบัญญัติธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย และ  4.ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเดินทางไปพุทธสังเวชนียสถาน

ตอนนี้ “กระดาษ” เหล่านั่นคงไปทำกระดาษรีไซเคิลหมดแล้ว

ขณะที่ “พรรคภูมิใจไทย” เข้าร่วมรัฐบาลไม่กี่วัน ส.ส.ของพรรค รีบเสนอร่าง พ.ร.บ.กิจการฮัจญ์ -พ.ร.บ.สันติภาพ เพื่อคุ้มครองพี่น้องมุสลิม สาระสำคัญคือ

1.มีคณะกรรมการกิจการฮัจญ์ ซึ่งคณะนี้เป็นบอร์ดใหญ่ จะเป็นที่กำกับดูแลเรื่องฮัจญ์

2.มีคณะกรรมการผู้แทนฮัจญ์ทางการ ซึ่งคณะนี้จะมี 12 คน จะหน้าที่กำกับดูแลในการปฎิบัติ

3.มีสำนักงานกิจการฮัจญ์ เป็นการตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบขึ้นมาใหม่ โดยไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ ไม่เป็นศูนย์ราชการ ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยมีเลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด โดยที่จะมีการยกเลิก พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ปี 2524, 2532 และ 2559 โดยใช้ร่างฉบับผู้แทนราษฎร

4.มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมกิจการฮัจญ์ในสำนักงาน เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักงาน

ตอนนี้ร่างทั้ง 2 ฉบับ ไม่มั่นใจว่าอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว

หลัง “พิชิต ชื่นบาน” มีเหตุจำต้องพ้นตำแหน่งไป หวังว่าจะได้ “คนที่พอรู้เรื่อง” มาทำงาน มาดูแล กิจการพระพุทธศาสนาบ้าง

“ผู้เขียน” คิดเองว่า “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาบ้านเกิดแล้ว “เห็นนรก เห็นสวรรค์” ในต่างประเทศมาแล้ว คงส่งสัญญาณให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย..หันมาสนใจกิจการพระพุทธศาสนาบ้าง

“เปล่าเลย” พรรคเพื่อไทยส่งใครมาไม่รู้มาเป็นรัฐมนตรีดูแลกิจการพระพุทธศาสนา และสนองงานคณะสงฆ์

เชื่อว่าทุกวันนี้คณะสงฆ์และชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่รู้จักคนชื่อ..จักรพงษ์ แสงมณี

“จักรพงษ์ แสงมณี” ตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้า ฯ เป็นรัฐมนตรีมา “ไม่ทราบว่า” เคยไปให้นโยบายกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บ้างหรือไม่!!

ทุกวันนี้..สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งพระทั้งโยมวิจารณ์การตรึมว่า “เกียร์ว่าง”

“ผู้เขียน” เองก็ยังไม่เคยเห็น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายใต้การนำของ “อินทพร จั่นเอี่ยม”  ทำงานอะไรที่คิดแล้วเป็น  “เชิงรุก” เลย

นอกจากไปร่วมเปิดงานกับคณะสงฆ์  ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ และประชุม เท่านั้น

จะว่าไปสู้ “กระทรวงมหาดไทย” ยังไม่ได้เลย ที่ “ปลัดเก่ง” มีนโยบายให้ “กรมที่ดิน -ผู้ว่าราชการจังหวัด” เร่งสำรวจที่ดินวัดและออกโฉนดให้กับวัดทั่วประเทศ หลายวัดได้รับอานิสงค์ตรงนี้ตรง ๆ

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติโชคดีว่าเลือก บุญเชิด กิตติธรางกูรดีกรีประโยค 9 , ศิษย์เก่า มจร ขึ้นมาเป็นรองผอ.พศ.ทำให้ “ภาพลักษณ์” ที่เคยตกต่ำ “ขยับดี” ขึ้นมานิด ในสายตาของคณะสงฆ์และชาวพุทธ

แต่.. บุญเชิด กิตติธรางกูร..ก็ไม่ได้ทำอะไรได้ดังใจปรารถนาทุกเรื่อง เพราะต้อง “ประคองตัว” ขึ้นมาเป็น “เบอร์หนึ่ง” หลัง “อินทพร จั่นเอี่ยม” เกษียณปีหน้า

พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีตัวทำงาน  ข้าราชการประจำก็ “เกียร์ว่าง” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่เห็นมีนโยบายอะไรที่ชัดเจน คิดแล้ว “ว้าเหว่”  หดหู่

นี่ “รัฐบาล” บริหารประเทศมาจะครบ 1 ปีแล้ว  แต่ผลงาน “ยังไม่เกิด”  เป็นชิ้นเป็นอัน

มองไปทางไหน..คนทำงานที่เข้าใจพระ..รู้เรื่องพระพุทธศาสนาในพรรคเพื่อไทย  “หมดหน้าตัก”

หลายวันมานี้ จึงเกิดมีกระแสข่าวว่า “พรรคเพื่อไทย” อาจจะต้องใช้ “นักการเมืองรุ่นลายคราม”  มาแก้ “วิกฤติศรัทธา” ในหมู่ชาวพุทธนั่นคือ

“มหานิยม เวชกามา”  อดีต ส.ส.สกลนคร

“ผู้เขียน” รู้จัก “นิยม เวชกามา”  เป็นอย่างดี  คนนี้เป็น “นักการเมืองน้ำดี”  การทำงานให้พรรคหรือทำให้กับพระพุทธศาสนาแบบ “หัวใจ” มาก่อน เรื่องปัจจัยอื่น ๆ มาทีหลัง

ไม่เหมือน “นักการเมืองบางคน”   ที่ต้องมี “น้ำมันหล่อลื่น” ก่อน

 “นิยม เวชกามา” มั่นคงและแน่วหน้า ในการปกป้องพระพุทธศาสนาและรับใช้คณะสงฆ์

ใกล้ชิดกับ “พระเถระผู้ใหญ่” เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “สมเด็จพระพุฒาจารย์” วัดไตรมิตร ในฐานะศิษย์สำนักเดียวกัน

ในหมู่ “กลุ่มชาวพุทธ” ก็มีความใกล้ชิดและแนบแน่น ทั้ง สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา หรือ “สนพ.” อันมี “เสถียร วิพรมหา – เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์”  เป็นแกนนำ รวมทั้ง “เจ้าคุณประสาร -เจ้าคุณโชว์” ก็คอยเป็น “แบ็คอัพ” ให้กับ “นิยม เวชกามา” เป็นอย่างดี  ซึ่งในอดีตคนกล่มนี้ก็มิใช่ใครอื่น  คือคนใน “ครอบครัวเพื่อไทย” ด้วยกันเองทั้งนั่น

“ผู้เขียน” แม้จะไม่ใช่คนในครอบครัวเพื่อไทย แต่ก็เชียร์ “มหานิยม เวชกามา”

เพราะมองดูแล้วในพรรคเพื่อไทย ไม่มีคนมีความรู้ ความสามารถ และประสานกับคณะสงฆ์ได้ เท่ากับ “นิยม เวชกามา” แล้ว

ไม่งั้นตลอด 1 ปีที่ผ่านมานี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย คงมีผลงานด้านพระพุทธศาสนา เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว

เสียชื่อ “ยี่ห้อ” ทักษิณ ชินวัตร หมด

 

ขอบคุณภาพ: The Reporters

Leave a Reply