เล่าวีรกรรมต่อสู้ “เจ้าคุณสุวิทย์-เจ้าคุณประสาร” หลังฟ้าเปิด!!

ขอแสดงความยินดีกับ “เจ้าคุณสุวิทย์” และ “เจ้าคุณประสาร” ที่ได้รับโปรดเกล้าเลื่อนสมณศักดิ์เป็น “ชั้นเทพ” ที่ “พระเทพวัชรญาณกวี” และ “พระเทพวัชรสารบัณฑิต” ตามลำดับ

“ผู้เขียน” รู้จักทั้ง 2 มักคุ้นกับทั้ง 2 รูปนี้เป็นอย่างดี  ตั้งแต่ทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ “รายการทอร์ค” ช่อง 11 เนื่องจากเวลาเกิดเหตุการณ์คำถามเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์  หลักธรรม หรือแม้กระทั้งความเคลื่อนไหวของคณะสงฆ์ ทั้ง 2 รูป คือ แหล่งข่าวชั้นดี

ซ้ำยุคก่อนเจ้าคุณวิทย์หรือ “ท่านปิยโสภณ” มีรายการเช่าเวลาและผลิตเป็นของตนเองในในช่อง 11 ด้วย โดยมี “อ้อม” สุนิสา และ  “อี้” แทนคุณ เป็นผู้ดำเนินรายการ

ทั้งเจ้าคุณสุวิทย์และเจ้าคุณประสาร ถือว่าเป็น “พระหัวก้าวหน้า” มีคุณูปการต่อคณะสงฆ์และชาวพุทธมิใช่น้อย ยุคสมัยที่คณะสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวหน้ารัฐสภา เรียกร้องกระทรวงพระพุทธศาสนาก็ดี ออกหนังสือออกแถลงการณ์เตือนภัยต่างศาสนาก็ดี หรือแม้กระทั้งในยุคที่ “นักการเมือง” ต้องการ “ข้ามเส้น” เข้ามา “ก้าวก่าย” ทั้งเรื่อง “ศาสนสมบัติกลาง” เข้ามา “ยุ่มย่าม” จะเปลี่ยนแปลง..พรบ.คณะสงฆ์ ทั้งเรื่องให้พระเสียภาษี เจ้าอาวาสดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี หรือแม้กระทั้งการยกเลิกสมณศักดิ์

ทั้ง 2 รูป คือ “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ทั้งลับหลังและต่อหน้า

สุดท้ายทั้ง 2 รูป ถูกเก็บ “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”  โดยเฉพาะ “ท่านปิยโสภณ” สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต ถูกดองสมณศักดิ์อยู่หลายปี ทั้ง ๆ ที่ท่านถือว่าเป็น พระเม็ดงามไม่เฉพาะในคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายเท่านั้น ของพระพุทธศาสนาด้วย

สื่อมวลชนเคยตั้งฉายาให้ท่านว่าเป็น  “ลูกเมียน้อย”  ที่รอคอยความรัก  เนื่องจาก  “เจ้าคุณสุวิทย์” หรือ พระเทพวัชรญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก  แม้ได้รับพระราชทานทุนจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยลอนดอนประเทศอังกฤษ เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการตั้งศูนย์พุทธศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด “เจ้าคุณสุวิทย์”  เมื่อ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร  ได้รับโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช  “พระมหาสุวิทย์” ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ช่วยเลขานุการเทียบคู่มากับ “พระนิลมาน” ปัจจุบัน “พระนิลมาน” ครองสมณศักดิ์ที่  “พระพรหมศากยวงศ์วิสุทธิ์” เป็นเจ้าคณะภาคปกครองคณะสงฆ์ธรรมยุตด้วย  ในขณะที่เจ้าคุณสุวิทย์ยังมุ่งมั่นทำงานรับใช้ “พระพุทธเจ้า” อยู่ต่อเนื่อง ด้วยการเผยแผ่ศาสนา และสร้าง “ศาสนทายาท”

“เจ้าคุณสุวิทย์”  อดีตเคยออกมาเคลื่อนไหวทางสังคมหลายครั้ง เคยถูกเสนอให้เป็น “โฆษก มส.”  มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคณะสงฆ์มหานิกาย จนมีข่าวว่าขัดหูขัดตากลุ่ม “ห้องกระจก” ข้อหา “ฝักใฝ่มหานิกาย” และเคยพูดแฉพฤติกรรม “ห้องกระจก”  ด้วย จนถูกสั่งเข้า “ห้องเย็น” อยู่หลายปี

ส่วน “เจ้าคุณประสาร” หรือ พระเทพวัชรสารบัณฑิต  สังคมการเมืองจะคุ้นชื่อนี้ดี เพราะในอดีตถูกตราหน้าว่าเป็น “พระจีวรแดง” ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาและพระผู้ใหญ่หลายครั้ง ทั้งเรื่องตอนที่มีกลุ่มบุคคลโจมตี “สมเด็จเกี่ยว” ทั้งเรื่องกลุ่มคนไปหาเรื่อง “สมเด็จช่วง” วัดปากน้ำ ตอนหลังมีพระผู้ใหญ่ขอ “ห้ามยุ่งการเมือง” จึงทุ่มเทกับงานการศึกษาในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในฐานะ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา ด้วยความเป็นพระภิกษุที่มี “คอนเนคชัน” กับผู้คนหลากหลายวงการ มีบุคลิกภาพเป็นคนอัธยาศัยดี เข้าถึงง่าย เป็นพระภิกษุที่ “ใจถึงพึ่งได้” จึงมีเส้นสายและวิถีชีวิตที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในตำแหน่งหน้าที่การงานและสมณศักดิ์   ด้วยการทุ่มเทงานต่อเนื่อง ในวงการ “มจร”

ชื่อเสียง “เจ้าคุณประสาร” ดังพลุแตกว่าเป็น “อธิการบดี” ตัวจริงเสียงจริง จนได้รับฉายาว่า “อธิการน้อย” เพราะเสมือนเป็น “แม่บ้าน” ของ มจร  ถนนทุกสายใน มจร ต่างวิ่งเข้าหา “เจ้าคุณประสาร” เพราะคุมทั้งกำลังคนและกำลังเงิน สังเกตได้จากงาน “ประสาทปริญญา-วิสาขบูชาโลก”  เจ้าคุณประสาร คือ แม่งาน ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั้งกิจกรรม “ธรรมนาวาวัง” เมื่อเร็ว ๆ นี้

ความจริงในสถาบันสงฆ์ยังมี “กลุ่มพระสงฆ์” อีกหลายรูปที่ร่วมกันต่อสู้และออกมาปกป้องพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์เคียงคู่กับเจ้าคุณสุวิทย์และเจ้าคุณประสาร หลายรูป พระผู้ใหญ่ ชนชั้นอำนาจ คงลืมไปหมดแล้ว โลกเปลี่ยน แต่สถานการณ์ความขัดแย้ง  “ยังไม่เปลี่ยน” ชนชั้นอำนาจ พระเถระผู้ใหญ่ ควรจะมี “ลิสรายชื่อ” พระภิกษุ ชาวพุทธ ในด้านนี้บ้าง เพื่อใช้งานในยามจำเป็น!!

ผู้เขียนถือว่า “พระกลุ่มนี้” คือ หัวก้าวหน้า เป็นคนทันสมัย ไม่หลับตา รอให้เขามา “เชือดคอ” ฝ่ายเดียว

อันนี้เขียนเล่าให้ฟัง นอกจากขอชื่นชม การถวายสมณศักดิ์ให้กับพระคุณเจ้าทั้ง 2 รูป ว่า เหมาะสมโดยประการทั้งปวงแล้ว!!

เล่าบทบาทในอดีตของพระเจ้าคุณทั้ง 2 ด้วยว่า ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการต่อสู้เพื่อคณะสงฆ์ เพื่อพระพุทธศาสนา มาอย่างไร  เพื่อให้ยุวสงฆ์รุ่นหลังได้เรียนรู้และเป็นแบบอย่างอีกทางหนึ่งด้วย!!

Leave a Reply