เอ๊ะ!! “ราชบัณฑิต” สื่อถึงพระกลุ่มไหน? ลงลึกในคัมภีร์ แต่จะกลายเป็นขุดหลุมลึก ฝังตัวเอง!!

วันที่ 26 พ.ค. 68 ศาสตราจารย์พิเศษ ร้อยโท บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต โพสต์ข้อความในเฟชบุ๊คส่วนตัว Banjob Bannaruji – บ้านบรรณรุจิ ว่า  ห่วง อ.ทองย้อย จะถูกหาว่า ปรามาสพระธรรมวินัย เพราะ คำพูดนี้ ว่า

“พระถ้าต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ยังไม่เปล่งคำลาสิกขา ยังเป็นพระอยู่” มาจากพระนักคัมภีร์กลุ่มหนึ่งที่ยกเอาคำอธิบายของพระฎีกาจารย์มาพูด

ดีหน่อยนะที่ท่านยกบาลีมาและแปลด้วย  แต่ก็สรุปว่า …ภิกษุต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ก็ยังเป็นภิกษุ(พระ) อยู่ ตราบเท่าที่ยังปฏิญญายืนยันว่าตัวเองเป็นภิกษุ…

ผมเคยท้วงว่า คำพูดของพระฎีกาจารย์กำกวมควรต้องอธิบายให้ชัดว่า เป็นภิกษุในรูปไหน ? ผมเห็นว่า เป็นแค่เพศ คือ โกนหัว ห่มผ้ากาสายะ ก็ถือว่า เป็นอลัชชี ขโมยเพศ (ลิงคเถนกะ)    แต่คุณธรรมเป็นพระไม่มีแล้ว …

ตอนนั้น ก็นึกถึงโคตรภูสงฆ์เหมือนกัน ดีที่ อ.เขียนถึงไปแล้ว ดีมาก  พอผมพูดว่า คำพูดของพระฎีกาจารย์กำกวม ท่านก็ว่า

“ผมกล้าปรามาสพระธรรมวินัย ….”  ธรรมสินัยจริงแท้ คือ พระพุทธพจน์   ส่วนพระอรรถกถาจารย์ พระฎีกาจารย์ คือ พระที่ท่านช่วยอธิบายขยายความ
ท่านใกล้ยุคของพระพุทธเจ้ากว่า พวกเราจริง แต่แก่นพระธรรมวินัย ยุคเราก็พอมีสตปัญญาเข้าใจได้บ้าง ตามพระพุทธพจน์ แม้ใช้อรรถกถาฎีกาช่วย ก็ต้องวิเคราะห์กันน่าดู วิเคราะห์ด้านเนื้อหา ด้านการนำเสนอ ไม่งั้นเสนอไป สังคมไม่เข้าใจ เกิดปัญหาตามมาอีกอย่างที่เห็นอยู่กับกรณีที่ท่าน อ.ยกมาเขียนถึง

ผมเคยศรัทธาและยังศรัทธาพระกลุ่มนี้อยู่ แต่ติดตามดูแล้ว ดูท่านน่าจะต้องฝึกฝนอะไรอีกเยอะ ในการจะใช้คัมภีร์ช่วยพระพุทธศาสนา  มีแค่่ประสบการณ์ทางอ่านคัมภีร์อย่างเดียวไม่พอ
ผมกลัวว่า ท่านมั่นใจว่าท่านลงลึกในคัมภีร์ แต่จะกลายเป็นขุดหลุมลึก ฝังตัวเอง

Leave a Reply