“ณพลเดช”เหมาสวนลองกอง มอบศูนย์พักคอยวัดปทุมคงคาฯ

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2564 เวลา 18.00 น. ที่ศูนย์พักคอยวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ ดร.ณพลเดช มณีลังกา ว่าที่ผู้สมัคร สก.เขตสัมพันธวงศ์ พรรคเพื่อไทย และอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าจากกรณีที่ทราบถึงผลกระทบราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยภาคเหนือมีความเดือดร้อนเรื่องราคาลำไยตกต่ำ ภาคใต้ประสบปัญหาราคา ลองกอง มังคุดและเงาะ ตกต่ำ ซึ่งจากความเดือดร้อนตนจึงให้ผู้ประสานงานของตน ให้ประสานงานช่วยซื้อสินค้าการเกษตรในภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งก็ได้ลองกอง มังคุดและเงาะ ซึ่งพบว่าการดูแลจากชาวสวนเมื่อไม่มีช่องทางการตลาด ก็ไม่ได้พ่นยาใส่ปุ๋ยเท่าที่ควร ทำให้ผลไม้โดยเฉพาะลองกองมีผลที่ไม่สวยงามมากนัก อย่างไรก็ตามตนกลับเห็นว่าเป็นผลดีเพราะเราได้สินค้าทางการเกษตรที่เป็นผลไม้ออแกนิกไปโดยปริยาย ซึ่งวันนี้ตนก็ได้โอกาสโทรหาเจ้าประคุณพรหมเสนาบดี กรรมการมาหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร เจ้าคณะภาค 7 เพื่อขอความเมตตารับบิณฑบาต โดยตนประสงค์ถวายเป็นสังฆทานซึ่งหลังจากที่ถวายพระสงฆ์เหลือก็จะยังมีอีกเป็นจำนวนมากที่จะได้มอบให้แก่ผู้ติดเชื้อโควิด19 ที่รักษาตัวที่จุดพักคอยของศูนย์พักคอยวัดสัมพันธวงศ์

ดร.ณพลเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ตนโชคดีมาก ขณะที่มาถึงวัด เจ้าประคุณพรหมเสนาบดี ท่านบอกว่าขอทำวัตรสวนมนต์ก่อน อีกทั้งถือโอกาสสวดมนต์ถวายพระผู้ใหญ่ซึ่งวันนี้ถือเป็นคล้ายวัดเกิดของเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ชนมายุครบ 96 ปี ตนและทีมงานพรรคเพื่อไทยสัมพันธวงศ์จึงขอไปร่วมสวดมนต์ และนั่งสมาธิด้วย ตอนได้ฟังพระสวดมนต์ไพเราะมาก ปลื้มใจที่เรามีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ตามหลักที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงบัญญัติ เมื่อสวดมนต์ทำวัตร นั่งสมาธิเสร็จ ตนจึงมาถวายผลไม้ประกอบไปด้วย ลองกอง มังคุดและเงาะ ซึ่งท่านเจ้าคุณพรหมท่านเมตตามาก ได้จัดสัดส่วนเพื่อถวายพระสงฆ์ และผู้ติดเชื้อโควิด เป็นส่วนๆ ซึ่งตนก็ต้องขออนุโมทนาในกุศลเมตาของเจ้าประคุณพรหมเสนาบดี มา ณ ที่นี้ด้วย

ดร.ณพลเดช กล่าวเพิ่มเติมไปอีกว่า ทั้งนี้ตนได้จัดสัดส่วนผลไม้ ได้เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงวัฒนธรรมไทยแต่โบราณที่คนเฒ่าคนแก่จะนำของที่ได้จากผลผลิตทางการเกษตรนำมาถวายพระก่อน ทำให้ตนได้นึกถึงประเพณีการ “ถวายทานข้าวใหม่” ถือเป็นกุศโลบายของคนโบราณล้านนา ที่สอดแทรกคำสอนให้ลูกหลานให้มีความกตัญญูกตเวทิตาต่อผู้มีพระคุณ และนำผลผลิตมาถวายให้แก่เนื้อนาบุญก่อน ทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามส่งผลถึงจิตใจอันดีงามของชาวไทยในพระพุทธศาสนา ส่งผลให้มีขวัญและกำลังใจดีที่มั่นใจในอำนาจบุญกุศลที่ได้ทำส่งผลให้มีจิตใจที่ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี

“แต่ทุกวันนี้ผลผลิตทางการเกษตรเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะตรงสู่มือพ่อค้าคนกลางเพื่อแปรสภาพให้กลายเป็นเม็ดเงินในการใช้หนี้ที่กู้จากแหล่งทุนในทันที ภาพเก่าแก่ที่คนไทยมีรอยยิ้มชักจะเลือนรางไปทุกวัน ตนอยากให้รัฐบาลนำไปขบคิดด้วย ว่าทำอย่างไรประชาชนจึงจะมีรอยยิ้มมีความสุข มีวิถีวัฒนธรรมประเพณีแบบไทยๆ ที่ต่างชาติเขาอยากมาดูให้คงคู่กับคนไทยไปนานๆ” ดร.ณพลเดช กล่าว

Leave a Reply