มหกรรมทุนเล่าเรียนหลวง..สำหรับคณะสงฆ์ไทย

“ผู้เขียน” เคยไปร่วมงานการประชุมเพื่อจัดงาน “มหกรรมทุนเล่าเรียนหลวง..สำหรับคณะสงฆ์ไทย”  ครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ที่วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพมหานคร  จำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไรหรือช่วงเดือนไหน คราวนั้นมีพระเถระผู้ใหญ่ ตัวแทนทำเนียบองคมนตรี กระทรวง กรมต่าง ๆ มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก การประชุมครั้งนั้น ฟังพอได้ใจใความว่าจะจัดงานครั้งนี้ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และให้พระสงฆ์ที่ได้รับทุนหลวงมีเวทีแสดงองค์ความรู้ สำหรับการจัดงานมหกรรมทุนเล่าเรียนหลวงเพื่อคณะสงฆ์ไทยนี้ มีชื่อเต็มว่า โครงการ “สืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย” ระหว่างวันที่ 2 -4 กรกฏาคม 2568 ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม

 “ผู้เขียน” จำได้คร่าว ๆ ว่า ตอนนั้น  “พระพรหมบัณฑิต” กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานกรรมการการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ซึ่งเป็น “แม่งาน” จัดงานครั้งนี้ ได้กล่าววัตถุประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้ว่า

“เพื่อให้พระภิกษุสามเณรที่ได้รับการถวายทุนการศึกษาพระราชทานที่ได้สำเร็จแล้วหรือยังศึกษายัง ได้มีเวที ให้แสดงผลงานทั้งเรื่องการศึกษา การเผยแผ่และการปฎิบัติ ไม่ว่าจะเป็น นิสิตทุนเล่าเรียนหลวง มจร ,มมร กลุ่มพระนักเทศน์ พระวิปัสสนาจารย์ พระธรรมจาริกบนดอย พระธรรมกถิกาจารย์ พระคณาจารย์ด้านกรรมฐาน โดยจะชวนเชิญภาคีเครือข่ายเช่น โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข หมู่บ้านรักษาศีล 5 และหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล มาร่วมด้วย ซึ่งจะจัดที่พุทธมณฑล เหตุผลจัดกิจกรรมในเดือนกรกฏาคม เนื่องจากเป็นเดือนวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กิจกรรมครั้งนี้คณะสงฆ์จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านด้วย..”

โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์รัชกาลที่ 9  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2547  ด้วยทรงมีพระราชปณิธานในการสนับสนุนพระสงฆ์ให้มีโอกาสได้รับการศึกษาพุทธธรรมชั้นสูง ซึ่งจะสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาได้ด้วยตนเอง และนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องจนแตกฉานในพระธรรม แล้วนำไปสั่งสอนพุทธบริษัทต่อไปได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน การบำรุงพระสงฆ์ด้วยวิธีการนี้จะเป็นทางสำคัญที่จะช่วยจรรโลง และเผยแผ่ พระสัทธรรมได้ถูกต้องตามพระไตรปิฎกสืบต่อไป ประกอบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์รัชกาลปัจจุบัน ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชกรณียกิจนี้สืบต่อมา เพื่อพัฒนาความรู้ และคุณภาพพระสงฆ์ ให้เป็นหลักทางใจของประชาชน ให้พระสงฆ์เป็นประโยชน์ในสังคมไทยสืบไป

อีกทั้งเพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด  พระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช องค์ปฐมราชวงศ์จักรี ที่ว่า “การสอบพระปริยัติธรรมภิกษุสามเณร นับเป็นราชการแผ่นดินอย่างหนึ่งด้วยอยู่ในพระราชกิจของพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นพุทธศาสนูปถัมภก เพราะฉะนั้นต่อมามีรับสั่งสังฆนายกทั้งปวงจึงประชุมสอบพระปริยัติธรรมพระภิกษุสามเณร และมีเจ้าพนักงานฝ่ายพระราชอาณาจักรช่วยปฏิบัติดูแลตามตำแหน่งจนสำเร็จราชการ”

“ผู้เขียน” อ่านรายละเอียดกำหนดการตลอดทั้ง 3 วัน ดูแล้วใช้งบประมาณเยอะ คนจำนวนมาก เป็นห่วงเรื่องสถานที่ของพุทธมณฑล ห้องน้ำ ที่พักสำหรับพระต่างจังหวัด เพียงพอพร้อมหรือไม่ หรือหากเกิดมี “ฝนหรือพายุ” รุนแรงดังเช่นตอนจัดงาน “วิสาขบูชาโลก” อับอายนานาชาติที่มาร่วมงานแล้วเปียกปนกันครบถ้วนทั้งพระมหาเถระและคฤหัสถ์ที่มาร่วมงาน

สำหรับกิจกรรม “มหกรรมทุนเล่าเรียน..สำหรับคณะสงฆ์ไทย” ตลอด 3 วัน แม้!! แม่งาน จะเป็น “พระพรหมบัณฑิต” ประธานกรรมการการเผยแผ่พระพุทธศาสนาชาติ  แต่ตลอด 3 วัน มีภาคีเครือข่ายทั้ง วัดประชารัฐสร้างสุข,หมู่บ้านรักษาศีล 5,หน่วยอบรมประชาชน, มจร และ มมร  มาร่วมด้วย โดยแต่ละวันจะมีการมอบรางวัล จัดสัมมนา ชมนิทรรศการ เช่นวันแรก  สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ประธานโครงการ วัดประชารัฐ สร้างสุข เดินทางมอบโล่รางวัลและตาลปัตร สำหรับวัดจำนวน 133 วัด มีองคมนตรีมาร่วมงาน มีการแสดง งานแสดงศิลปวัฒนธรรม โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข โครงการฝึกอบรมพระธรรมจาริก สาธยายพุทธมนต์เป็นภาษาอังกฤษ  มีการเสวนา จากรุ่นสู่รุ่น พระมหากรุณาธิคุณและสายธารปัญญาแห่งทุนเล่าเรียนหลวง โดย ผู้ที่ได้รับทุนจาก มจร มมร และ นักเรียนบาลีสนามหลวง  สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธาน อ.ป.ก. มอบประกาศเกียรติคุณแด่ หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล 77 รางวัล โครงการพระธรรมจาริก 30 รางวัล

กิจกรรมวันที่สอง จะมีการถวายผ้าไตรแก่ โครงการอบรมพระนักเทศน์ โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 และ โครงการวิปัสสนากรรมฐาน มีการเทศน์ด้วยภาษาเหนือ อีสาน และเทศน์แบบปุจฉา วิปัสสนา

ส่วนกิจกรรมวันที่ 3 มีกิจกรรม สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ประธานคณะกรรมการอำนวยการหมู่บ้านรักษาศีล 5 จะ มอบโล่รางวัลหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบจังหวัด 77 จังหวัด และระดับภาค 18 ภาค มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น 4 ภาค ประธานองค์มนตรี เดินทางมาเปิดงาน ชมนิทรรศการ  ซึ่งช่วงนี้มีการถ่ายทอดสดทางช่อง NBT  ด้วย

“ผู้เขียน”  ขอตบจบท้ายด้วยคำพูดของ นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี ที่เคยกล่าวถึง กองทุนเล่าเรียนหลวง สำหรับพระสงฆ์ไทย ตอนหนึ่งว่า “ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ชอบเข้าวัด อยากตามรอยชาวตะวันตก ทำอย่างไรที่จะไม่ให้วัฒนธรรมผู้ใหญ่ ผู้เยาว์ดีๆ นี้หายไป เด็กรุ่นใหม่คล้อยตามกระแสโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่สอน ไม่ใช่พระสอน ไม่ว่าถูกหรือผิดในโซเชียลมีเดียเชื่อได้หมดเพราะไม่มีใครกรอง เป็นข่าวที่ไม่ต้องกรอง เราอ่านหนังสือพิมพ์ยังมีกองบรรณาธิการช่วยกรอง ฟังวิทยุ สถานีวิทยุยังรับผิดชอบ ดูทีวีทางสถานียังต้องรับผิดชอบ แต่ในโซเชียลมีเดียทุกคนสามารถใส่ความเห็นไปได้หมด จะบิดเบือนหรือไม่บิดเบือนก็ได้หมด ดังนั้นโลกใบนี้จึงตกอยู่ในภาวะที่ลำบากมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มักจะได้รับการถ่ายทอดทางความคิดที่ไม่ถูกต้อง ถึงได้เห็นการมีความคิดที่แปลกๆ  เรากำลังเจอความท้าทาย จึงขอฝากให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ไม่ว่าบรรพชิตหรือฆราวาส ว่าเราต้องยึดมั่นในความเป็นไทย  ยึดมั่นในศาสนาพุทธของเรา และที่สำคัญคือต้องถ่ายทอดความคิดนี้ลงไปในคนรุ่นใหม่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ฝากบ้านฝากเมืองให้คนรุ่นต่อไปได้..”

 

Leave a Reply