ปลัด มท. ปลุกชาวราชสีห์ มุ่งมั่นขับเคลื่อนงาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” สนองแนวพระราชปณิธาน “แก้ไขในสิ่งผิด พร้อมชวนประชาชนร่วมกิจกรรม “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” 2 พ.ย. 67 นี้ มากกว่า 1 ล้านคน

วันนี้ (20 ส.ค. 67) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร พร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ผู้บริหารระดับกรมและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย คณะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (VCS) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟัง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทั้ง 4 หน่วยงานที่ได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (Excellent Innovation Awards) ซึ่งจะเป็นต้นแบบของหน่วยงานที่มีนวัตกรรมในการ “บำบัดทุกข์บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชนได้ดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และขอแสดงความยินดีกับ รศ.วรวรรณ โรจนไพบูลย์ และ ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์และชื่อเสียงให้กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 2 ท่านได้ร่วมกับพวกเราภาคีเครือข่ายกระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เป็นที่ประจักษ์แจ่มแจ้งในมิติต่าง ๆ นอกจากนี้ ขอแสดงความยินดีกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ “Special Achievement in GIS (SAG) Award 2024” ในงาน Esri User Conference 2024 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับโครงการที่สร้างประโยชน์ในวงกว้างในแต่ละประเทศ มอบโดยองค์กรเอกชน ประเทศสหรัฐอเมริกา จากการขับเคลื่อนโครงการจัดทำผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ำหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo-Social Map) ซึ่ง กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นองค์กรภาครัฐองค์กรเดียวของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้

“ขอขอบคุณชาวมหาดไทยทุกท่าน ที่ช่วยกันจัดกิจกรรมเพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี นำพาพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ทั้งกิจกรรมจิตอาสา การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ การจัดพิธี และรัฐพิธี เพื่อเฉลิมพระเกียรติตลอดทั้งปีมหามงคล และขอให้พวกเราทุกคนได้ร่วมกันขับเคลื่อนอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการเผยแพร่พระราชประวัติ พระเกียรติคุณ และพระราชกรณียกิจ รวมทั้งเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกเพศทุกวัย เข้ามามีส่วนร่วมในการทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมในลักษณะจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้ได้รับโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งร่วมกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองในทุกวันตลอดทั้งปี 2567 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อไปอีกว่า “โครงการ 10 คลองสวย น้ำใส คนไทยมีสุข เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องรวมถึงกรุงเทพมหานคร ได้ช่วยกันเร่งรัดดำเนินการและพัฒนาให้ 10 คลองตามโครงการฯ ได้บรรวัตถุประสงค์ มีความโดดเด่น สะอาด สวยงาม นอกจากนี้ การพัฒนาฟื้นฟูแหล่งน้ำคูคลองของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราตลอด 3 ปีที่ผ่านมาในการ “Change for Good” ในพื้นที่ของเรา เพื่อสนองพระราชปณิธาน “แก้ไขในสิ่งผิด” ดังที่พระองค์ท่านได้ทรงทำให้ดูเป็นตัวอย่างผ่านการพระราชทานพระมหากรุณาให้ราชเลขานุการในพระองค์ลงพื้นที่ อาทิ บึงสีไฟ จ.พิจิตร บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ซึ่งพวกเราในฐานะผู้มีหัวใจและมีความแรงปรารถนาในการ “บำบัดทุกข์บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน” ต้องหมั่นลงพื้นที่ติดตามดูแลในส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้คลองสวย น้ำใจ เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการน้อมนำหลักการทรงงานมาใช้ในการดำเนินการ ประการแรก คือ “การทำงานแบบภาคีเครือข่าย” บูรณาการทุกภาคส่วนให้มาช่วยกันขับเคลื่อนร่วมกันทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย เพื่อทำให้พลังในการขับเคลื่อนได้มีอย่างเต็มที่ และอีกประการหนึ่งคือ “การใส่ใจ เอาจริงเอาจัง และทำอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานของกรอบตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดความคุ้มค่า โดยการเชิญชวนภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ไปช่วยงานในพื้นที่ นอกจากนี้ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ได้ติดตามการรวบรวมประมวลโครงการที่พวกเราดำเนินการเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนทุกช่วงวัยอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง และทางนี้มีผลผู้คนรักกัน” โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก การแก้ปัญหาความยากจนด้วยระบบ Thai QM การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ การดูแลเด็กนักเรียนทุนและเด็กที่ยากไร้ด้อยโอกาส การรณรงค์ส่งเสริมให้เด็กมีน้ำหนักตามกำหนดไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ การรณรงค์ส่งเสริมให้คนได้ออกกำลังกาย การพัฒนาส่งเสริมดูแลเด็กให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการดำเนินโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” (Walk Run Bike Fighting STROKE) ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขอให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้พี่น้องประชาชน สมัครลงทะเบียนร่วมกิจกรรม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการสมัคร ซึ่งในวันจัดกิจกรรมสามารถจัดได้ทุกพื้นที่ ทุกถนนหนทางในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เพียงใส่เสื้อสีเหลืองไปร่วมกิจกรรมออกกำลังกาย และรณรงค์ให้ประชาชนออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ไม่ใช่เพียงแต่วันจัดกิจกรรมในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เท่านั้น ซึ่งพวกเราทุกคนกำหนดเป้าหมายรณรงค์ส่งเสริมรับสมัครผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 1 ล้านคนให้สำเร็จ ภายใน 30 กันยายน 2567 นี้ เพราะเป้าหมายของโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ดังกล่าว คือการรณรงค์ให้คนมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพในทุกวัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน พร้อมทั้งรณรงค์ให้คนหันมาตระหนักและให้ความสำคัญ โดยใส่ใจรู้เท่าทันเกี่ยวกับเรื่องโรคหลอดเลือดสมอง ห่างไกลจากโรค ซึ่งเป้าหมายการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เพราะทุกท่านมีหน้าที่ในการ “บำบัดทุกข์บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน การที่คนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยติดเตียง ไม่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต สามารถช่วยเหลือตนเองได้ มีชีวิตที่มีความสุข นั่นคือภารกิจหน้าที่ของพวกเราชาวมหาดไทยทุกคน “ไม่ใช่ Extra Job” และหากเราร่วมกันทำงานอย่างมี “Passion” ยิ่งทำให้มีจำนวนพี่น้องประชาชนมาร่วมกิจกรรมนี้มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อจังหวัดและประเทศมากเท่านั้น ควบคู่การส่งเสริมแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามแนวทางของกระทรวงมหาดไทยในทุกตำบล ชุมชน หมู่บ้าน อาทิ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้สถานที่ให้คนออกกำลังกายตามภูมิสังคม ซึ่งจะทำให้เกิดผลดังพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข”

นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ของโลกทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม ความขัดแย้ง โรคระบาด สิ่งแวดล้อม รวมถึงสภาวะโลกร้อน ซึ่งทั้งหมดเปรียบเสมือนระเบิด 4 ลูกรอบประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทาน ส.ค.ส. ประจำปี พ.ศ. 2547 เพื่อเตือนใจให้กับคนไทยทุกคน ตระหนักและให้ความสำคัญกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก ซึ่งในปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เตือนให้เราคำนึงถึงเป้าหมายของการทำให้ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข” ด้วยการช่วยกันแก้ไขในสิ่งผิดในเรื่องของการใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยการทำให้พี่น้องประชาชนร่วมกันสืบสานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และยาสมุนไพร ความมั่นคงในเครื่องนุ่งห่ม แหล่งน้ำชุมชน น้ำอุปโภคบริโภค การส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีไทย ทั้งการพึ่งพาตนเอง การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันให้เข้มข้นมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและพี่น้องชาวมหาดไทยทุกคนระดมสรรพกำลังทำให้เกิดความต่อเนื่องอย่างเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน

“เราทุกคนต้องกระตุ้นเตือนใจพวกเราเองว่า ในวันแรกที่มารับราชการเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้บ้านเมืองและประชาชนมีความสุขได้อย่างไร ให้เกิดแรงฮึกเหิมว่า เราจะทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในความดูแลของพวกเรา มีความมั่นคง มีรอยยิ้มแห่งความสุขเพิ่มมากยิ่งขึ้น ภายใต้การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ในฐานะข้าราชการผู้กินภาษีของแผ่นดิน ผู้ที่มีหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชน และท้ายนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ผลักดันขับเคลื่อนทำให้ภาคีเครือข่ายของพวกเรา น้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจำวัน ที่คนทุกคนจะสามารถพึ่งพาตนเองได้ ไม่มีความทุกข์ แต่ต้อง “มีแต่ความสุขอย่างยั่งยืน” ใช้ทุกเวลานาทีอุทิศตนเพื่อประเทศชาติและประชาชนสืบไป” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้าย

Leave a Reply