วันที่ 6 สิงหาคม 2568 หลังจากวานนี้ “ศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา” ได้ออกมาแถลงข่าวถึงการปฎิบัติการ นำโดย พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบช.ตร.) ที่ได้แถลงตอนหนึ่งทำนองว่า “หากจังหวัดใดพบพระภิกษุกระทำความผิดพระธรรมวินัยเกิน 3 รูปต้องย้ายผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาในจังหวัดนั่น ๆ ทันที โดยเรื่องนี้จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับตำรวจ..” ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ พระมหานรินทร์ นรินฺโท ป.ธ.9 เจ้าอาวาสวัดไทยลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า

ดีฮะ..นับเป็นแนวความคิดที่เริ่ดมาก ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะทำข้อตกลงกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วางกฎเกณฑ์ใหม่ว่า ถ้าในจังหวัดใดมีพระภิกษุสามเณรประพฤติผิดพระธรรมวินัยมากถึง 3 รูป จะมีบทลงโทษให้ย้ายผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้นๆ ในทันที
จะดีมาก ถ้าหากทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะได้เสนอให้แก่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปด้วยว่า ถ้าในจังหวัดใด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประพฤติผิดถึง 3 คน ก็ต้องมีการสั่งย้ายผู้กำกับการตำรวจประจำจังหวัดนั้นๆ ไปด้วย เพราะถือว่าเป็นความบกพร่องเหมือนกัน ในเมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เป็นหน่วยงานของรัฐบาลเหมือนกัน ก็ต้องมีมาตรการในทางกำกับดูแลที่เหมือนๆ กัน จึงจะเป็นการยุติธรรม มิฉะนั้นก็เป็นเพียงแค่..ล้ำเส้น
ขณะที่ชาวโซเชียลได้โพสต์แสดงความคิดเห็นคิดเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย พร้อมเสนอแนะให้ตำรวจใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศด้วย มีดังนี้
ครูสอนคน ครูสอนคน มีตำรวจผิดวินัย เกิน 3 นาย อย่าลืมเด้ง ผบก. จังหวัด และผบก ภาค ด้วย
Tawan Nonghai เกินไป ไม่เป็นธรรมแก่ผอ.พศ.จว.
ส.แสนยศ เปรียญ เอาอย่างนี้ไหมถ้าสถานีตำรวจจังหวัดไหน มีผู้ทำผิดวินัยเกินสามคนต้องย้ายด้วยนะ
Sakon Ketkaewตำรวจ ผิดสามคน เด้ง ผกก.ข้าราชการ ทุจริตสามคน เด้ง ผู้ว่า ฯ
บารคู ถึงโลกถึงธรรม สิ้นโลกเหลือธรรม ผอ.พศ.จังหวัด ก็ต้องทำข้อตกลงกับ รอง ผบ.ตำรวจ ด้วยว่าถ้า พระสงฆ์ สำนักพุทธจังหวัด ตรวจพบตำรวจทำผิดวินัย ทำผิดกฎหมาย 3 นาย ขึ้นไป ต้องเด้งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนั้นๆ ด้วย จะได้เสมอกัน
สัจจะบารมี จงบังเกิดโชคลาภ อย่าคิดว่าตัวเอง ถือ กฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายนะครับคุณตำรวจ… ทุกวงการมีทั้ง คนดีและคนไม่ดี ถ้าจะพูดถึงในลักษณะแบบนี้ ผมว่าข่าวของตำรวจ มีมากกว่าข่าวพระนะครับ ถ้าจะให้ตรวจสอบพระทั้งทั่วประเทศ ก็ย่อมทำได้ ถ้าอาศัยกฎหมายมาเล่นงานพระ ซึ่งพระ ท่านก็ไม่ได้เป็นข้าราชการ มีทั้งพระดีและพระไม่ดีปะปนกันไป แต่การจะลงโทษท่าน ต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย ถ้าจะเด้งสำนักงานพุทธ ซึ่งก็ดูแลไม่ทั่วถึงอยู่แล้ว ตามแต่ละจังหวัด แต่ในขณะเดียวกัน ตำรวจเอง ก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่ต้องให้สาธยายเยอะ ข่าวตำรวจ มากกว่าข่าวพระ แบบนี้ สำนักงานพุทธ หรือพระ สามารถ ลงคะแนนเสียง ย้ายตำรวทั้งสน. ได้ไหมครับ ถ้าจะเล่นงานสำนักพุทธ และพระที่ไม่ดี ก็ต้องเล่นงาน ตำรวจที่นอกรีตด้วย โดยเฉพาะ พวกหัวหน้าใหญ่ๆ ที่วิ่งซื้อตำแหน่ง แบบนี้แฟร์ดีนะครับ
วัดป่าประชาธรรมานุสรณ์ ธมฺมกาโม ตั้งกฎมาแบบนี้สงสัยผอ. พุทธคงจะโดนเด้งทุกจังหวัดพระทำผิดวินัยมันมีตั้งแต่สมัยไหนแล้วไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าท่านจะบัญญัติวินัยขึ้นมาได้ยังไง
ขณะที่ชาวเน็ตบางคนแสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้หน้าที่พระอุปัชฌาย์ 100% รับบวช ไม่สืบ ไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสอบประวัติก่อนบวช ควรวาวระบบก่อนบวช และการรับย้ายเข้าสังกัดอุปัชฌาย์กับเจ้าอาวาสควรสั่งไปตรวจสอบประวัติ สำนักพุทธฯไม่ได้บวชพระ
– สำนักพุทธ ไม่ได้เป็นผู้ควบคุมพระ เป็นเพียงผู้สนองงานเท่านั้นครับ พระผู้ใหญ่ชั้นปกครองต้องรับผิดชอบโดยตรงครับ

Leave a Reply