“หมู่บ้านรักษาศีล 5” ชื่อนี่น่าจะคุ้นหูกันดีแล้วในหมู่ชาวพุทธ โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 มหาเถรสมาคม มีมติให้คณะสงฆ์ดำเนินงาน ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยราชการต่าง ๆ เป้าหมายยังที่รู้กันคือ ให้คนไทยมีความรู้รักสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึงก็ถือว่าเป็น “งานถนัด” ของคณะสงฆ์ ที่เป็นสถาบันหลักของสังคมไทยในการประสานให้ทุกภาคส่วนสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในสังคมประเทศชาติ

“ผู้เขียน” ร่วมกิจกรรมหมู่บ้านรักษาศีล 5 ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ที่ผ่านมามักเล่าอยู่เสมอว่า พระสงฆ์ในประเทศไทย น่าจะเป็นพระภิกษุที่ทำงานมากที่สุด ในหมู่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา พระพม่า พระลาว พม่าเขมร ไม่ทำงานร่วมกับรัฐบาล ไม่ร่วมกิจกรรมกับประชาชนมากเท่ากับคณะสงฆ์ไทย
“ผู้เขียน” สังเกตบรรดาพระเถระที่ลงพื้นที่บางรูปเป็นเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ พวกท่านเหล่านี้ยอมเสียสละเวลา เสียสละความสุขส่วนตัว รวมทั้งสละกิจนิมนต์ที่ก่อให้เกิดรายได้ ต้องมาลงพื้นที่บางแห่งตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และที่สำคัญต้องจากเสียสละดังที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ทุกรูปต้องเสียสละเงินด้วย คือ ร่วมกันบริจาค เพื่อให้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เดินหน้าต่อไปได้
“ผู้เขียน” เวลาลงพื้นที่ทุกครั้ง หวนถึงนึกคนเก่า ๆ ที่เคยร่วมกิจกรรมกันมา ทั้ง อดีตเจ้าคุณแย้ม ในฐานะประธานกรรมการกลาง และ อดีตพระเทพปวรเมธี ประธานหนกลาง ที่เป็นคนชักชวนให้ผู้เขียนให้มาร่วมกิจกรรมหมู่บ้านรักษาศีล 5 ตั้งแต่ต้น

ปัจจุบันหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประธานอำนวยการใหญ่คือ “สมเด็จธงชัย” เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พระธรรมวชิรสุนทร จจ.ลพบุรี ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการกลาง แทน “ทิดแย้ม” ส่วน พระเทพสมุทรวัชราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดสมุทรปราการ แทนตำแหน่ง “อดีตพระเทพปวรเมธี” ประธานหนกลาง ซึ่งทั้ง 2 รูปก็ถือว่าเป็นลูกหม้อของหมู่บ้านรักษาศีล 5 คือ เป็นพระภิกษุที่ริเริ่มทำงานร่วมกับ “สมเด็จช่วง” ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านรักษาศีล 5 มาตั้งแต่ต้น จึงเข้าใจการทำงานและบริบทของกิจกรรมหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็นอย่างดี
คำถามสำคัญเวลาคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ลงมาประเมินและติดตามผลสำเร็จ รวมทั้งเลือกเป็นหมู่บ้านรักษาศีล 5 มี 4 ประเด็นโดยมุ่งเน้นหลัก ศีล 5 ทั้งเรื่องฐานข้อมูลหมู่บ้าน การขับเคลื่อนกิจกรรมภายใต้กรอบของศีล 5 การส่งเสริมการปฎิบัติธรรม และผลสำเร็จของแต่ละโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฝ่ายปกครอง คือ ผู้ว่า ตำรวจ ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่ ปราชญ์ชุมชน รวมทั้งภาคประชาชน คอยให้คำตอบ
และปีนี้แตกต่างกว่าทุกปีนิดหนึ่งคือ มีการจัดนิทรรศการ “ธรรมนาวาวัง” และมีการสวดประกาศรัตนปริตร ถวายพระพรชัยมงคล ด้วย

“ผู้เขียน” มองว่าโครงการ “หมู่บ้านรักษาศีล5” คือ กิจกรรมที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคณะสงฆ์ รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างคณะสงฆ์กับประชาชนได้ดีที่สุดกิจกรรมหนึ่ง แต่บางครั้งจึงถูกมองว่า “เข้าไม่ถึงชาวบ้าน” รวมทั้ง “ขาดการต่อเนื่อง”
แต่สำหรับผู้เขียนมองว่า “ขาดงบประมาณ” และขาด “การพีอาร์” สู่สาธารณะ แม้คณะสงฆ์บางหน จะทำดี อย่างเช่น “หนเหนือ” มีการถ่ายคลิปสั้น ตัดต่อ ลงยูทูป ติ๊กต๊อก ลงสื่อออนไลน์ แต่อีก 2 -3 หน ยังไม่เห็นผลงานเด่นเหมือนกับคณะสงฆ์หนเหนือเขาทำ นอกจากถ่ายทอดสด ซึ่งมีคนดู “หลักร้อย”

การลงพื้นที่เยี่ยม “หมู่บ้านรักษาศีล 5” หลายจังหวัดทำดี นอกจากเน้นให้ข้อมูลแล้ว ยังพาคณะกรรมการลงพื้นที่เยี่ยมการเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วย เช่น เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ดูงานสัมมาชีพ กิจกรรมเยาวชน ผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั้ง กิจกรรมที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ของดีแต่ละชุมชน อันนี้ “คณะสงฆ์” ได้ใจชาวบ้านเต็ม ๆ เนื่องจากชาวบ้าน ไม่เคยเห็น พระสงฆ์ระดับเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด พระมีชื่อเสียง ลงเยี่ยมชาวบ้านและเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง บางครอบครัวถึงกับ “หลั่งน้ำตา” ด้วยความปลื้มใจ
“ผู้เขียน” จึงคิดว่า โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็นโครงการที่ดีที่สุดของคณะสงฆ์ที่ มหาเถรสมาคมจะต้อง สืบสาน รักษา และต่อยอด


Leave a Reply