ใครพูด?? “หมากที่ตกกระดานแล้ว..อย่าเก็บขึ้นมาอีก”

         ห่างหายไปจากท่านผู้อ่านระยะหนึ่ง..เพราะไม่มีแรงจูงใจอะไรให้เขียน พอดีมีคนโทรมาเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ในวงการสงฆ์กำลังวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของพระเถระรูปหนึ่งที่ว่า

          “หมากที่ตกกระดานไปแล้ว..อย่าเก็บขึ้นมาอีก”  ซึ่งหมายถึงอะไร ลองจินตนาการเอาเอง

          ก็พยายามสืบเสาะหาต้นตอ..รู้แค่เค้าลาง ๆ  แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่

เพราะเดียวนี้สังคมสงฆ์มีหลายขั้ว หลายกลุ่ม หลายอำนาจ ฟังหูไว้หู แต่ก็อยากเขียนเพื่อ “กระตุกจีวร”  บ้าง

จริงหรือไม่จริง..ไม่ทราบ แต่ผู้เขียนเป็นพวกมนุษย์หัวโบราณ เชื่อว่า “ไม่มีมูล หมาไม่ขี้”

        “ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย”   แปลว่า  ได้ยศแล้วไม่ควรเมา ได้ตำแหน่งแล้วอย่าหลงในอำนาจยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นสิ่งที่ได้มาด้วยบารมี เป็นสิ่งที่เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล เป็นเครื่องกำหนดหมายชั้นของบุคคล..

       “ยศ”  ทำให้บุคคลนั้น ๆ เป็นคนที่มีเกียรติ มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับนับถือในสังคม ทำให้คนทั้งหลายยกย่องเคารพ

        แต่บุคคลบางคน เมื่อได้ยศมาแล้วกลับหลงมัวเมาในยศ ใช้ยศถาบรรดาศักดิ์ที่มีในทางที่ทุจริต ใช้ยศใช้ตำแหน่งไปกดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบคนอื่น แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวโดยเบียดเบียนคนอื่น ถือตัวว่าตนเองมียศมีศักดิ์ คนเช่นนี้เรียกว่า “เมายศ..หลงอำนาจ”

       ดังนั้น พระพุทธองค์ จึงหมั่นสอนพุทธบริษัทอยู่เนือง  ๆ ว่า  อย่ามัวเมาในยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะยศนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีได้ก็เสื่อมได้ ให้หมั่นสร้างคุณงามความดีเอาไว้มาก ๆ ดีกว่า

        ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเคยตรัสกับพระนาคิตะว่า “ขอยศ จงอย่าได้มาเกี่ยวข้องกับเรา และขอเราอย่าได้ไปเกี่ยวข้องกับยศ”

       ทรงเห็นว่า ลาภ ยศ และชื่อเสียงนั้น ถ้าขาดความระวังแล้วเป็นอันตรายอย่างยิ่งโดยเฉพาะต่อ “บรรพชิตหรือสมณะ”

      อำนาจเบ็ดเสร็จ อย่างที่เป็นอยู่ในคณะสงฆ์เราตอนนี้ ทำให้เสียความเป็นพระได้มากที่สุด

สมตามคำของ “ลอร์ด แอคตัน” ปราชญ์ชาวอังกฤษ ที่กล่าวไว้ว่า

“อำนาจทำให้คนเสีย อำนาจสูงสุด ทำให้คนเสียมากที่สุด”

         “สมเด็จพระพุฒาจารย์” เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก จึงมีนโยบายฝากให้เจ้าคณะภาคในเขตปกครองว่าให้ใช้  “พระคุณมากกว่าพระเดช”

        “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี” เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มีนโยบายในเขตปกครองว่าให้คณะสงฆ์ในเขตหนกลาง “รู้รักสามัคคี”

       การเกิดขึ้นของวาทกรรมว่า “หมากที่ตกกระดาน อย่าเก็บขึ้นมาอีก” อ้างว่ามาจากเจ้าคณะปกครองผู้มากบารมีรูปหนึ่งในเขตปกครอง “ภาคกลาง”

        การมองกิจการคณะสงฆ์ กิจการพระพุทธศาสนา แบบหมากรุก มองเป็นเกมส์แบบนี้ ผู้กล่าวต้องมีความเชี่ยวชาญ “ทางการเมือง” และ “วางเกมอำนาจ” เป็นพอสมควร

        ยังคิดไม่ออกว่า ในวงการคณะสงฆ์ มีพระสังฆาธิการรูปใด  “มองกิจการพระศาสนา” มองกิจการคณะสงฆ์ เป็น “เกมส์” เหมือนกับนิสัย “มนุษย์การเมือง” ได้ขนาดนี้

       วาทกรรมว่า “หมากที่ตกกระดาน..อย่าเก็บขึ้นมาอีก”  ทำให้ผู้เขียนนึกถึงพระหลายรูปที่ถูก “ระบบคณะสงฆ์” ถีบลงข้างทางแล้ว “เหยียบซ้ำ” คงลืมนโยบายรัฐบาล “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” กันหมดแล้ว

     เดียวนี้สังคมสงฆ์เกิดเหตุ “พี่ฆ่าน้อง น้องฆ่าพี่” ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

เสียดาย!!..คำพูดนี้สวนทางกับคำสอนของพระพุทธองค์

เสียดาย!!  คำพูดนี้สวนทางกับนโยบายของเจ้าคณะหนใหญ่ทั้ง 2 รูป ดังที่กล่าวมา

         คนพูดย่อมรู้ดีว่า “ยศที่มีทุกวันนี้ ถูกริบได้ทุกเมื่อ

         คนพูดย่อมรู้ดีว่า “ยศที่มีทุกวันนี้” เป็นของนอก “พระธรรมวินัย”  ไม่จีรังและยั่งยืน

 @ หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง

        วาทกรรมว่า “หมากที่ตกกระดาน อย่าเก็บขึ้นมาอีก” แหล่งข่าวอ้างว่า หลุดออกจากปากของพระสังฆาธิการระดับ “ชั้นเทพ” รูปหนึ่ง

 แหล่งข่าวไม่ได้บอกว่ารูปใด..เพียงแต่บอกใบ้มาแค่นี้..ให้ไปสืบและเสาะหาข้อเท็จจริงกันเอาเอง

 ใครทราบ..ช่วยแจ้งด้วย??..แต่หากไม่มีใครรู้ถือว่าเป็น “ข่าวลวง” สงฆ์ทำลายกันเอง..

 

หมายเหตุ..ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้้อหาในบทความนี้

Leave a Reply