“ทองย้อย แสงสินชัย” ถาม ให้ “ยกเลิกสมณศักดิ์-แยกรัฐออกจากศาสนา” บอกวิธียกเลิก-แยกหน่อย??

วันที่ 24 สิงหาคม 2568 พลเรือตรี ทองย้อย แสงสินชัย ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสภา ได้โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัวว่า  พระเป็นพลเมืองชั้นสองผมเคยเสนอแนะผู้ที่ยกปัญหาเกี่ยวกับพระขึ้นมาวิจารณ์ ว่าควรจะบอกขั้นตอนการปฏิบัติไว้ด้วย ไม่ใช่พูดลอย ๆ   เรื่องที่เคยเสนอมาแล้วคือ –

๑ ยกเลิกสมณศักดิ์ วิธียกเลิกทำอย่างไร บอกไว้ด้วย จะได้ยกเลิกได้จริง ๆ เสียที ไม่เช่นนั้นก็จะพูดกันไม่จบอยู่นี่แหละ

๒ แยกรัฐออกจากศาสนาหรือแยกศาสนาออกจากรัฐ วิธีแยกทำอย่างไร บอกขั้นตอนไว้ด้วย จะได้แยกได้จริง ๆ เสียที ไม่เช่นนั้นก็จะพูดกันไม่จบอยู่นี่แหละ

๓ ฆราวาสปกครองพระควรชี้ให้เห็นชัด ๆ ว่า เรื่องอะไรบ้างที่ฆราวาสปกครองพระ ๑ ๒ ๓ ชี้มา ถ้าจะไม่ให้ฆราวาสปกครองพระ จะต้องทำอย่างไร บอกวิธีทำมาด้วย ฆราวาสจะได้เลิกปกครองพระเสียที

ตอนนี้ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่มีผู้ยกขึ้นมาเป็นประเด็น คือเรื่องพระเป็นพลเมืองชั้นสองเรื่องพระเป็นพลเมืองชั้นสองนี้ ผู้ที่ยกขึ้นมาเป็นประเด็นชี้ไปที่เรื่องพระไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง   ท่านบอกว่า กฎหมายระบุไว้ว่า พระเป็นกลุ่มบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งเช่นเดียวกับผู้พิกลพิการหูหนวกตาบอดบ้าใบ้แล้วท่านก็สรุปว่า พระถูกจัดให้อยู่ในพวกเดียวกับผู้พิกลพิการหูหนวกตาบอดบ้าใบ้ แบบนี้ถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือ

และการที่พระไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งนี่เองแสดงว่า พระเป็นเพียงพลเมืองชั้นสองของประเทศนี้ แบบนี้ยุติธรรมแล้วหรือท่านเสนอว่า ให้ยกเลิกข้อกำหนดนี้ คือไม่ต้องมีข้อกำหนดแบบนี้ไว้ในกฎหมาย ซึ่งก็แปลว่า พระมีสิทธิ์เลือกตั้งได้

ที่ว่ามานี้เป็นเพียงเหตุผลข้อเดียวที่แสดงว่าพระเป็นพลเมืองชั้นสอง คือ-พระไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งเรื่องพระเป็นพลเมืองชั้นสองนี้ ผมเชื่อว่า เกณฑ์ชี้วัดคงไม่ได้มีเฉพาะเรื่องสิทธิในการเลือกตั้งเรื่องเดียว  สมมุติว่า ให้พระมีสิทธิ์เลือกตั้งได้

ต่อไปก็จะต้องมีผู้เรียกร้องอีกว่า พระไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง แบบนี้แปลว่าพระเป็นพลเมืองชั้นสอง เอาอีก …

สองแล้วนะ หนึ่ง-สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง สอง-สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง
แล้วอะไรอีกล่ะ?ต้องมีอีกแน่ ๆ เช่น ถ้าได้รับเลือกตั้ง พระมีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรี พระมีสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีฯลฯ

เพราะฉะนั้น ผมขอเสนอว่า ให้ทำรายการมาเลยว่า ในบ้านเมืองของเรานี้ พระต้องมีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้างหรือเป็นอะไรได้บ้าง จึงจะไม่ใช่พลเมืองชั้นสอง

ไม่เช่นนั้นก็จะมีเสียงโอดครวญ-พระเป็นพลเมืองชั้นสอง แบบ-ได้คืบจะเอาศอก ไม่จบไม่สิ้นอยู่นี่แหละ
พระอยากได้กี่คืบกี่ศอกกี่วากี่เส้นกี่โยชน์ ก็บอกมาให้ครบถ้วนม้วนเดียวจบไปเลย สังคมจะได้จัดประเคนถวายได้ถูกตามต้องการ

ฟังดูคล้ายพูดประชดแต่ผมยืนยันว่า พูดจริง ไม่ได้ประชดเลยอยากเห็นพระทำอะไรเป็นอะไรที่อยากทำอยากเป็นให้มันสุด ๆ ไปเลย

พระศาสนายุคโคตรภูสงฆ์หรือยุคกาสาวกัณฐะ-ผ้าเหลืองน้อยห้อยคอ จะได้มาถึงเร็ว ๆ ให้มันจบ ๆ กันไป
โคตรภูสงฆ์ : พระสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัดปฏิบัติเหินห่างธรรมวินัย แต่ยังมีเครื่องหมายเพศ เช่น ผ้าเหลืองเป็นต้น และถือตนว่ายังเป็นภิกษุสงฆ์อยู่, สงฆ์ในระยะหัวต่อจะสิ้นศาสนา

Leave a Reply