วันที่ 13 กันยายน 2568 ณ อาคาร มวก.48 พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานในพิธีครบรอบวันสถาปนา “138 ปี มหาจุฬา ฯ” โดยมี พระพรหมวัชรวิมลมุนี ผู้อำนวยการสถาบันวิปัสสนาธุระ,พระธรรมวชิโรดม รองอธิการฝ่ายกิจการนิสิต พระเทพวัชรสารบัณฑิต รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา พระสิทธิวัชรบัณฑิต รองอธิการบดีฝ่ายต่างประเทศ ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป พร้อมด้วยคณะผู้บริหารทั้งส่วนกลางและภูมิภาค แขกผู้มีเกียรติ เจ้าหน้าที่ เหล่านิสิต ร่วมพิธี

พระพรหมวัชรธีราจารย์ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า “วันนี้ครบรอบ 138 ปี มจร ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้น เพื่อเป็นสถานศึกษาให้พระภิกษุสามเณร ได้ศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาการชั้นสูง พวกเราชาว มจร ร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานดังกล่าวตลอด 138 ปี ปัจจุบันหลังจาก มจร มี พ.ร.บ.เมื่อปี 2540 ได้สนองภารกิจตามนโยบายของมหาเถรสมาคมและกระทรวง อว. ได้สร้างบุคลากรให้กับคณะสงฆ์และสังคมประเทศชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจที่พวกเราชาว มจร ได้กระทำภารกิจตามพระราชปณิธานขององค์รัชกาลที่ 5 รวมทั้งได้สนองนโยบายคณะสงฆ์และสังคมประเทศชาติที่ดี ตลอดเสมอมา..”

ด้าน พระเทพวัชรสารบัณฑิต ได้ตอนหนึ่งว่า “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ได้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัย มหาจุพาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อพุทธศักราช 2430 เพื่อให้ภิกษุสามเณร และคฤหัสถ์ได้ศึกษาพระไตรปิฏกและวิชาชั้นสูง ปัจจุบันได้เวียนมาบรรจบเป็นปีที่ 138 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ประสบความสำเร็จในจัดการศึกษาและประกาศพระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศ เป็นไป ตามพุทธปณิธานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงส่งพระอรหันตสาวก 60 รูปชุดแรก ออกประกาศ พระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์และความสุขของมหาชนเและเพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก และพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช ผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัย นับว่าเป็นความ ภาคภูมิใจของประชาคมมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่เป็นกำลังสำคัญในการประกาศ พระพุทธศาสนาให้เเพร่หลายไปทั่วโลก เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชาวโลกตลอดมา..”

ขณะที่โซนด้านนอกมีการจัดแสดงบุ๊ตของนิสิตนานาชาติทั้ง จีน เวียดนาม เนปาล พม่า ลาว กัมพูชา มอญ เมียนมา ไทใหญ่ โดยมีการนำของดีของแต่ละประเทศของแต่ละชาติพันธุ์มาจัดแสดง พร้อมทั้งมีการร้องรำทำเพลง บรรยากาศเป็นไปได้คึกคัก ขณะที่ภาคบ่ายเริ่มเวลา 13.00 น. เป็นต้นไปมีการแสดงนาฎศิลป์ประจำชาติของนิสิตบนเวทีกลาง 12 ชาติพันธุ์ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นเริงและสนุกสนานของบรรดาเหล่านิสิตและคณาจารย์ฝ่ายคฤหัสถ์

ปัจจุบัน มจร เปิดการเรียนการสอน 4 คณะ ประกอบด้วย คณพุทธศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ เปิดสอนกว่า 230 หลักสูตร ได้ขยายการเรียนการสอนไปสู่บุคคลทั่วไปด้วย ไม่จำกัดเฉพาะพระสงฆ์ มีทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก มีนิสิตทั่วประเทศประมาณ 20,000 รูป/คน

มีนิสิตนานาชาติเดินมาจากทั่วโลก จำนวนทั้งสิ้น 2,333 รูป/คน จาก 27 ประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนานาชาติมาเรียนเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย. มีวิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์กระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย ส่วนกลาง 12 วิทยาเขต 28 วิทยาลัยสงฆ์ 4 หน่วยวิทยบริการ และ 6 สถาบันสมทบ มีนิสิตทั้งหมด 25,774 คน แบ่งออกนิสิตระดับปริญญาตรี 18,159 รูป/คน , นิสิตระดับปริญญาโท 5,081 รูป/คน นิสิตระดับปริญญาเอก 2,534 รูป/คน ความพิเศษของ มจร คือ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์เรียนร่วมกับได้ โดยแบ่งนิสิตบรรพชิต 11,974 คน นิสิตคฤหัสถ์ 13,800 คน ขณะที่ศิษย์เก่าพระภิกษุส่วนใหญ่ล้วนจบการศึกษามาจาก มจร ตั้งแต่ระดับกรรมการมหาเถรสมาคมเป็นต้น ส่วนศิษย์เก่าคฤหัสถ์รับใช้สังคมได้อย่างมีคุณภาพ..


Leave a Reply