“สมเด็จชิน – ปลัดเก่ง” ประธานทอดกฐินวัดแสงธรรมสุทธาราม สาขาวัดราชบพิธ ยอดปัจจัย 3 ล้านกว่าบาท

วันที่ 28   ตุลาคม 2568   เวลา 10.00 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดประทานผ้าพระกฐินเพื่อเชิญไปทอดถวายพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดแสงธรรมสุทธาราม ตำบลชุมแสง อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมีประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ไวยาวัจกรวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมในพิธี

ในการนี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานสัมโมทนียกถา ความโดยสังเขปว่า วัดแสงธรรมสุทธารามแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นราว 60 กว่าปีที่แล้ว โดยพระดำริของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ   (วาสน์ วาสโน สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)  ที่ทรงริเริ่มให้มีการสร้างขึ้น และโปรดให้ พระราชโสภณ (ละออ นิรโช) ขณะดำรงสมณศักดิ์ “พระมหาละออ นิรโช” เปรียญธรรม 7 ประโยค วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งพระมหาละออผู้นี้ท่านเป็นคนในพื้นที่ผู้สละความสุขส่วนตนในมหานครมาประดิษฐานการพระศาสนาให้มั่นคงมากขึ้น ณ ภูมิลำเนาของตน ต่อมาคณะกรรมการสร้างวัดเห็นว่าพื้นที่วัดยังน้อยเกินไปควรหาทางขยายเพื่อเพิ่มเติมพื้นที่ใช้สอย จึงซื้อที่ดินทางด้านใต้ของวัด กระทั่งเมื่อมีเสนาสนะเพียงพอต่อการพักอาศัยของพระสงฆ์แล้ว จึงนิมนต์พระสงฆ์จากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดเทพศิรินทราวาสมาจำพรรษาฉลองศรัทธา โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2497 วัดได้เปิดการเรียนการสอนนักธรรมชั้นตรี มีพระมหาปรุง สุปญฺโญ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอาจารย์สอน นับว่าเป็นการเริ่มต้นการศึกษาพระปริยัติธรรมด้วยดี แต่เมื่อออกพรรษาและรับกฐินแล้วภิกษุสามเณรก็แยกย้ายกลับไปปฏิบัติศาสนกิจในสำนักของตน ต่อมาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ มีพระบัญชาให้พระสงฆ์วัดราชบพิธไปรักษาศาสนสมบัติและปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดแสงธรรมสุทธาราม ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ที่จะนำความเจริญให้ท้องถิ่นอำเภอชุมแสงแห่งนี้ จึงเสด็จมาทางรถไฟ เพื่อมาทอดกฐินและประทับแรม อันเป็นปฐมบทแห่งการก่อสร้างและทำนุบำรุงเกื้อหนุนจุนเจือ จนบัดนี้ได้รับการจัดตั้งวัด มีเสนาสนะมั่นคง มีอุโบสถ ศาลาการเปรียญ มีโรงเรียนเกิดขึ้น ทำให้การศึกษาต่าง ๆ ได้บังเกิดขึ้นในวัด อันสะท้อนให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า พระองค์ไม่ได้มาเพียงเพื่อสร้างวัดอย่างเดียว แต่เป็นการนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่นอำเภอชุมแสง ซึ่งเมื่อครั้งเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ยังดำรงพระชนม์ชีพ จะเสด็จมาปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อช่วยดูแลการก่อสร้างอุปถัมภ์วัดแห่งนี้จนสำเร็จลุล่วง เป็นที่สถิตของพระเถระผู้ใหญ่ในจังหวัดนครสวรรค์ และเป็นสาขาวัดอีกสาขาหนึ่งของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

“ในวันนี้เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดเมตตาให้อาตมานำผ้าพระกฐินมาถวายแก่พระภิกษุที่จำพรรษาครบไตรมาส โดยมีคุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย  ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ รับเป็นประธานเจ้าภาพบริวารกฐิน ซึ่งได้มีการส่งผ้ากฐินมาทอดยังวัดแสงธรรมแห่งนี้โดยตลอด ป็นวัดสาขาของราชบพิธ ที่ได้รับความเมตตาจากท่านสาธุชนทั้งหลายเป็นอย่างดี ซึ่งยอดรวมคร่าว ๆ ก็ประมาณ 3 ล้านเศษ ซึ่งจะทำให้การบูรณะเสนาสนะของพุทธารามนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้เจ้าอาวาสวัดที่เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ (ธ) มาปกครอง ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นวัดสำคัญของชาวบ้านที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันมาโดยตลอด นับตั้งแต่อาตมาได้เดินทางมาครั้งแรกเมื่อประมาณ ปี 2507 – 2508 ซึ่งเป็นระยะเวลาล่วงมาหลายสิบผัแล้ว ดังนั้น ขอให้พวกเราช่วยกันดูแล เพราะวัดมิใช่สมบัติของเจ้าอาวาส หรือของคณะสงฆ์ แต่เป็นสมบัติของพระศาสนา ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธก็ต้องช่วยกันบำรุงพระศาสนา จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสหรือคณะสงฆ์บำรุงอย่างเดียวก็อาจจะไม่ถูกนัก เพราะเป็นวัดนี้เป็นสมบัติของศาสนา เป็นสมบัติของประเทศชาติที่เราจะต้องช่วยกันบำรุงช่วยกันนำกำลังจัดการให้เรียบร้อย..”

ด้าน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า    เป็นประจำทุกปี ตนเองและ ดร.วันดี  กุญชรยาคง จุลเจริญ ได้ปวารณาต่อเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ไว้ว่า ปีใดวัดแสงธรรมสุทธาราม ซึ่งเป็นสาขาของวัดราชบพิธ ไม่มีเจ้าภาพตนเองและดร.วันดี ขอรับเป็นเจ้าภาพ วันนี้ได้นำใบปวารณาปัจจัยสมทบทุนกองกฐินจำนวน 1 ล้านบาท

“ตอนนี้วัดแสงธรรมสุทธาราม กำลังบูรณะการสร้างเมรุไฟฟ้า แทนเมรุแบบเผาถ่าน และรวมทั้งกำลังจะเดินการก่อสร้างศาลาธรรมสังเวช  ภายใต้การสนับสนุนของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และรวมทั้ง ตนเองและดร.วันดี รับเป็นเจ้าภาพสร้างกุฎิเจ้าอาวาสภายใต้งบประมาณ 2.5 ล้านบาท วันนี้เท่าที่เดินดูก็มีความคืบหน้าไปมาก วันนี้ก็ต้องขออนุโมทนาบุญต่อทุกท่านทราบว่าได้บริวารกฐินที่เป็นเงินจำนวน 3 ล้านกว่าบาท..”

Leave a Reply