วันนี้ (3 มีนาคม 64) นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ตั้งคำถามถึง “กรรมการมหาเถร และสำนักงานพระพุทธศาสนา เห็นคนแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์แล้ว คิดอย่างไร?..”
โดยกล่าวว่า ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา จำเลย มีความผิดลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 12,000 บาท ลดโทษให้คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี
ศาลอุทธรณ์คดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้เหตุผลสรุปว่า
จำเลยเป็นพระผู้ใหญ่สามารถตรวจสอบที่มาของงบประมาณได้ไม่ยาก ไม่เชื่อว่าจะไม่รู้ว่าเงินดังกล่าวมีที่มาไม่สุจริต
กรณีทุจริตเงินงบประมาณ เขารู้อยู่แก่ใจว่ามันผิด ทั้งแพ่ง ทั้งอาญา และพระธรรมวินัย กลับมาบวชอีกไม่ได้ แต่พอยอดชายหน้าอย่างหนา ก็ยังตีเนียนกลับมาห่มจีวรเป็นสงฆ์ อยู่จนทุกวันนี้
ทั้งที่คำสั่งของมหาเถรสมาคม ได้มีคำสั่งย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า
1.หลักพระธรรมวินัย สละสมณเพศด้วยการเปล่งวาจา ลาสิกขา และถอดจีวรออก เรียกว่า”สึกเอง” กับขาดจากความเป็นพระเพราะอาบัติหนัก คือ “ครุกาบัติ” ได้แก่ปาราชิก 4 ประกอบด้วย ฆ่าคนลักทรัพย์เสพเมถุนอวดอุตริมนุสธรรม ถ้ากระทำอย่างใดอย่างหนึ่งใน 4 อย่างนี้ ถือว่าขาดจากความเป็นพระ ณ ขณะที่กระทำการนั้นๆ เลย (ขาดโดยอัตโนมัติ)
2.หลักกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มี 2 มาตราที่เกี่ยวข้อง คือ มาตรา 29 ถูกจับในคดีอาญาแล้วพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัว ก็ให้สละสมณเพศเสียก่อนจะนำตัวเข้าห้องขัง กับมาตรา 30 เมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลให้จำคุกกักขัง หรือขังพระภิกษุ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศ
เห็นกันอย่างนี้แล้ว มหาเถร สำนักพุทธ จะทำอย่างไร?
หรือจะรอให้พุทธะอิสระ ไปแจ้งความในฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
แบบนี้เขาเรียกว่า 2 มาตรฐานหรือเปล่า?
ได้ยินว่า นายเอื้อน (อดีตพระพรหมดิลก) นี้ แอบห่มผ้าเหลืองมาเป็นปีแล้วก็ไม่เห็นมีใครดำเนินการใด ๆ
ให้เวลา 1 อาทิตย์ หากยังไม่มีใครทำอะไร ….เดี๋ยว พุทธะอิสระ จะจัดให้
*********************
Leave a Reply