วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.30 น. ณ ศาลาพระไตรสรณธัช วัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ทอดผ้าป่าสามัคคีและเป็นประธานพิธีมหาพุทธาภิเษกปลุกเสกวัตถุมงคลสมโภชพระอารามครบ 150 ปีวัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร โดยมี พระวชิรรังษี เจ้าอาวาสวัดปรมัยยิกาวาส เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีพระเกจิสายรามัญ ร่วมพิธีปลุกวัตถุมลคล โดยคณะผู้มีจิตศรัทธา ประชาชนร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า สำหรับวัดปรมัยยิกาวาส ตนเองมีความเคารพศรัทธาอดีตเจ้าอาวาสรูปเก่า คือ “เจ้าคุณเสน่ห์” พระราชญาณมงคล ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน ตอนที่ท่านป่วยก็มีบุญได้รับเป็นโยมอุปัฎฐากดูแลท่าน รวมทั้งช่วยทะบำรุงพระอารามตลอดมา เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เจ้าคุณพระวชิรังสี ท่านมาจากวัดพระปฐมเจดีย์ ท่านเป็นพระสุปฎิปันโน มีวัตรปฎิบัติตามแบบฉบับของพระมอญ วัดปรมัยยิกาวาส เป็นวัดมอญที่มีการสวดแบบมอญ รักษาจารีตประเพณีไว้ได้อย่างดียิ่ง ท่านเจ้าอาวาสท่านปัจจุบันสืบสาน รักษา ต่อยอดแบบอย่าง มาจากเจ้าคุณเสน่ห์

“นับเป็นพระมหากรุณาธิการเป็นอย่างยิ่งในวันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม 2568 ที่จะถึงนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินมายกฉัตรพระมหารามัญเจดีย์ ที่บูรณะขึ้นมาใหม่ สำหรับพระมหารามัญเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างที่ด้านหลังอุโบสถ เป็นพระเจดีย์ทรงมอญขนาดใหญ่ เพื่อให้คนมอญที่มีความผูกพันกับพระมหาเจดีย์สำคัญของมอญในเมืองมอญคือ พระเจดีย์มุเตาที่เมืองหงสาวดีและพระเจดีย์ชเวดากองเมืองย่างกุ้ง ได้เป็นที่พึ่งทางใจได้กราบไหว้บูชาแทนพระเจดีย์ในเมืองมอญ พระมหารามัญเจดีย์ฐานกว้าง 5 วา 3 ศอก องค์เจดีย์ตั้งอยู่บนฐานสูงและมีลานประทักษิณ มีกำแพงรอบลานประทักษิณทำเป็นรูปเกลียวคลื่นในมหาสมุทร รอบองค์พระมหารามัญเจดีย์ตามคติในเรื่องเขาพระสุเมรุที่เป็นศูนย์กลางจักรวาลและล้อมด้วยมหาสมุทร พระมหารามัญเจดีย์องค์นี้เปรียบเสมือนจักรวาลเช่นเขาพระเมรุ ด้านหลังองค์พระเจดีย์ทางทิศตะวันตกมีบันไดขึ้นองค์พระเจดีย์ บันไดขึ้นทางทิศใต้ และเวลาลงหันหน้าลงทางทิศเหนือ ตามความเชื่อของมอญ จึงขอเชิญชวนพสกนิกรชาวรามัญและชาวไทยร่วมรับเสด็จกรมสมเด็จพระเทพ ในวันดังกล่าว..”

สำหรับวัดปรมัยยิกาวาสเป็นวัดโบราณ น่าจะสร้างหลังจากสมเด็จพระที่นั่งท้ายสระโปรดให้ขุดคลอง เมื่อ พ.ศ. 2264 ชาวเรือเรียก วัดปากอ่าว จนปี พ.ศ. 2307 พม่าบุกยึดเมืองนนทบุรี กลายเป็นวัดร้างเมื่อปี พ.ศ. 2317 ชาวมอญที่อพยพมาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ คนมอญเรียกว่า “เภี่ยมุเกี๊ยะเติ้ง” (มอญ: ဘာမုဟ်ဂဒုင် แปลว่า วัดแหลมที่ยื่นไปในน้ำ)
ในปี พ.ศ. 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินวัดมอญ 4 วัด ได้แก่ วัดปากอ่าว วัดรามัญ (วัดเกาะพญาเจ่ง) วัดบางพัง และวัดสนาม (สนามเหนือ) ต่อมาทรงเห็นว่าวัดปากอ่าวทรุดโทรมมาก จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดใหม่ทั้งวัดโดยรักษารูปแบบมอญไว้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สนองพระคุณสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตน์ราชประยูร ผู้ทรงอภิบาลพระองค์มาแต่ทรงพระเยาว์ และได้พระราชทานนามวัดว่า วัดปรมัยยิกาวาส ซึ่งมีความหมายว่า “วัดของพระบรมอัยยิกา”
นอกจากนี้ด้านหน้าของวัดติดแม่น้ำเจ้าพระยา ยังมี “พระเจดีย์มุเตา” เป็นเจดีย์ทรงรามัญ เป็นศิลปะแบบมอญ ซึ่งมีผู้กล่าวไว้ว่าเป็น “เจดีย์มุเตา” จำลองมาจากเมืองหงสาวดีตามรูปเดิมของแท้ ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสัญลักษณ์สำคัญของเมืองเกาะเกร็ด




Leave a Reply