กระทรวงมหาดไทย แถลงความพร้อมอำนวยความสะดวกให้ชาวไทยนับถือศาสนาอิสลามเดินทางไป “ประกอบพิธีฮัจย์”

วันที่ 1 มิถุนายน 2565  เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมดำรงธรรม ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการด้านความมั่นคงภายใน เป็นประธานการแถลงข่าว การประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ. 2565 (ฮ.ศ. 1443) กระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครอง (ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย) ได้แถลงข่าวการเตรียมการเกี่ยวกับการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลาม ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โดยมี นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายมูฮัมมัด ศานติภิมุข ผู้อำนวยการกองส่งเสริมองค์กรศาสนาอิสลามและกิจการฮัจย์ ตัวแทนจุฬาราชมนตรี และผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธีการแถลงข่าว ซึ่งถ่ายทอดสดผ่านระบบสถานีโทรทัศน์กรมการปกครอง (DOPA Channel) ไปยัง 878 อำเภอ ทั่วประเทศไทย รวมถึงสามารถรับชมผ่านระบบ Video Streaming ด้วย

ในการนี้ นายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การประกอบพิธีฮัจย์เป็นหนึ่งในห้าของข้อปฏิบัติทางศาสนกิจที่กำหนดให้ชาวมุสลิมต้องปฏิบัติตาม (ข้อปฏิบัติทั้ง 5 ข้อ ประกอบด้วย การปฏิญาณตน การละหมาด การบริจาคหรือจ่ายซากาด การถือศีลอด และการประกอบพิธีฮัจย์) แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระหว่างปี 2563-2564 จึงอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเท่านั้น สามารถประกอบพิธีฮัจย์ได้ จึงไม่มีชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า ในแต่ละปีชาวมุสลิมทั่วโลกจะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประมาณ 3 – 4 ล้านคน ซึ่งแต่ละประเทศจะได้รับการจัดสรรโควตาตามสัดส่วนของประชากรมุสลิมในประเทศนั้นๆ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ. 2565 (ฮ.ศ. 1443) ได้ และเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 ได้จัดโควตาผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ชาวไทย จำนวน 5,885 คน โดยมีผู้ยืนยันสิทธิการเดินทาง จำนวน 3,738 คน มีค่าธรรมเนียมในการประกอบพิธีฮัจย์ คนละ 80,400 บาท

ทั้งนี้ ต้องถือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกำหนด ได้แก่ (1) ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน (2) ต้องแสดงผลการตรวจโควิด-19 แบบ PCR ที่เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง (3) ต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์ตลอดเวลา (4) ต้องจัดทำประกันโรคโควิด-19 และ (5) มีอายุต่ำกว่า 65 ปี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวตอนท้ายว่า กระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครองในฐานะสำนักเลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ. 2565 (ฮ.ศ. 1443) ทั้งที่ท่าอากาศยานในประเทศไทยก่อน หลังเดินทาง ทั้ง 3 แห่ง และท่าอากาศยานในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทั้ง 2 แห่ง ตลอดจนการเดินทางไปยังที่พัก และในช่วงของการประกอบพิธีฮัจย์ จนกระทั่งเดินทางกลับประเทศไทย ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ หรือได้รับความเดือดร้อนจากผู้ประกอบกิจการฮัจย์หลอกลวง สามารถสอบถามข้อมูลหรือร้องเรียนได้ที่ กองส่งเสริมองค์กรศาสนาอิสลามและกิจการฮัจย์ กรมการปกครอง โทรศัพท์ 0 2282 1461 ต่อ 110 เว็บไซต์กรมการปกครอง www.dopa.go.th และ hajthailand.dopa.go.th หรือที่เพจ “กองส่งเสริมองค์กรศาสนาอิสลาม และกิจการฮัจย์”

Leave a Reply