พระลูกวัดไร่ขิงก่อเหตุวิวาท.. เพราะกิจนิมนต์??

      กรณีพระวัดดังใน จ.นครปฐม คือวัดไร่ขิง มีพระภิกษุ 2 รูป ก่อเหตุทะเลาะวิวาท แย่งกันเจิมรถป้ายแดงให้กับผู้มีจิตศรัทธาที่เดินทางมาที่วัด โดยพระรูปหนึ่งเข้าแจ้งความกับตำรวจ อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกาย

วันที่ 4 ธ.ค. 61 พระกิตติ (นามสมมติ) พระลูกวัดไร่ขิง จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพระที่ถูกทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เวลาประมาณ 14.15 น. ขณะที่กำลังไปติดต่องานที่สำนักงานของวัด เพื่อขอนิมนต์พระไปกิจนิมนต์ของญาติโยมตามกฎระเบียบของวัด

แต่พระเลขาฯ หัวหน้าสำนักงานวัด หรือคู่กรณีได้ตอบปฏิเสธ โดยบอกแค่เพียงว่าไม่มีเหตุผล เป็นความพอใจส่วนบุคคล พร้อมทั้งบอกว่า หากพบเห็นพระรูปไหนที่ไปออกกิจนิมนต์ให้กับอาตมา จะไม่ให้งานกิจนิมนต์อีกเลย ซึ่งอาตมามองว่าเป็นการใช้ตำแหน่ง หรืออิทธิพลในทางมิชอบ ทำให้พระรูปอื่นเกรงกลัว

นอกจากนี้ อาตมาได้ท้วงติงไปถึงเรื่องการเจิมรถเพื่อเสริมศิริมงคล เนื่องจากพระเลขาฯ ไม่เคยเรียน หรือศึกษาวิธีการเจิมรถที่ถูกต้อง กลับอ้างตัวว่าเป็นพระเจิม โดยการเจิมรถแต่ละครั้งจะได้ลาภสักการะ

และกล่าวกับอาตมาว่าทำแบบนี้ไม่หนักหัวใคร หรือใครมีปัญหาอะไร  อาตมาสงสารญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด หากโยมบางท่านมาเจิมรถแล้วเกิดอุบัติเหตุใครจะรับผิดชอบ แล้วถ้ามีการพูดต่อ ก็อาจจะส่งผลเสียงถึงวัดได้

จากนั้นคู่กรณีได้โทรศัพท์ไปหาพระลูกวัดรูปอื่น ๆ ให้มาดูเหตุการณ์ ซึ่งอาตมาก็พูดประโยคหนึ่ง ที่ทำให้คู่กรณีฉุนเฉียว และปาข้าวของใส่ตนนั้น หลังเกิดเหตุจึงตัดสินใจไปแจ้งความร้องทุกข์

ด้าน นายพรเทพ ปัถวี หรือ เปี๊ยก อายุ 47 ปึ มัคนายกวัดไร่ขิง เปิดเผยว่า วัดไม่มีข้อกำหนดเรื่องการเจิมรถ หรือประกอบพิธีเจิมเป็นกิจลักษณะ ใครจะเข้ามาเจิมก็ได้ แต่ก็จะเป็นที่รู้กันดีว่ามีพระ 2 รูป ที่สามารถรับกิจนิมนต์เจิมรถให้ เว้นแต่พระ 2 รูปติดกิจนิมนต์อื่น ก็จะให้พระรูปอื่นเจิมแทน แต่หากเป็นบุคคลนอกเข้ามา ก็จะต้องไปติดต่อที่สำนักงานวัด เพื่อขอให้พระที่วัดเจิมรถให้

ส่วนการเจิมรถก็ไม่ได้ใช้อำนาจ อิทธิฤทธิ์ หรือปาฏิหาริย์อะไร เป็นเพียงการเจริญพระพุทธมนต์ ท่องบทสวดคาถามงคล และอัญเชิญหลวงพ่อปกปักรักษาคุ้มครองรถ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนขับรถ ไม่ใช่เป็นเพราะการเจิม ซึ่งหากขับรถไม่ปลอดภัย ไม่เคารพกฎจราจร สุดท้ายอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้

นายพรเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ระหว่างพระเลขาฯ กับพระลูกวัดนั้น เกิดจากการทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาส ซึ่งพระเลขายังคงทำหน้าที่อยู่ภายในสำนักงาน ดูแลภาพรวมของวัด แบ่งหน้าที่ตามกิจนิมนต์ ส่วนพระลูกวัดคู่กรณีก็ทำหน้าที่รับกิจนิมนต์ตามกิจของสงฆ์

โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนเพิ่งทราบหลังจากเกิดเหตุแล้วว่า มีพระ 2 รูป ขัดแย้งกันเรื่องกิจนิมนต์ และอยู่ในสภาวะที่ไม่เข้าใจกัน โดยการมีปากเสียงเรื่องการรับเจิมรถ กระทั่งถูกพระเลขาฯ เขวี้ยงสิ่งของใส่พระลูกวัด และสิ่งของที่เขวี้ยงออกไปยังกระทบโดนทั้ง 2 รูป แต่ไม่ได้มีการชกต่อย หรือได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด

และในอดีตที่ผ่านมา ยอมรับที่วัด เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยเกิดจากการขัดผลประโยชน์เรื่องของกิจนิมนต์ จากนั้นก็หายไปพักใหญ่ จนกระทั่งกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง และส่วนตัวเชื่อว่าคงเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันมาในอดีต ที่ทำให้ไม่พอใจกัน

พระเทพศาสนาภิบาล

 ขณะที่ พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าอาวาสวัด  เจ้าอาวาสวัดไร่ชิง และในฐานะรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า การเจิมรถนั้น วัดไม่ได้มีแบบแผน หรือทำเป็นกิจของสงฆ์ เพราะตามมติของมหาเถรสมาคม วัดไม่สามารถดำเนินกิจกรรมดังกล่าวได้ และยืนยันว่าที่วัดไม่ได้กำหนดหรือมีป้ายติดตั้งว่าเปิดรับเจิมรถ ดังนั้นขึ้นอยู่กับความเลื่อมใสศรัทธาของญาติโยม

และหากมีคนมาให้เจิมรถที่วัดก็จะจัดพระเอาไว้ 2 รูป ในการทำหน้าที่ปฏิบัติกิจตรงนั้น หรือหากมีความเลื่อมใสในพระรูปใด ก็สามารถนิมนต์พระรูปเหล่านั้นมาประกอบพิธีให้ก็ได้ ถือว่าไม่ผิด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองเพิ่งทราบ จากเฟซบุ๊กของพระคู่กรณี ที่ได้มีการโพสต์เรื่องราวออกไป ทำให้วัดเสียหาย

ซึ่งจากเหตุการณ์ที่พระ 2 รูป มีปากเสียงกันเรื่องของกิจนิมนต์การเจิม ส่วนตัวมองว่าการทำหน้าที่แทนซึ่งกันและกันไม่ถือว่าผิด เนื่องจากพระเลขาฯ ก็มีอายุพรรษากว่า 20 ปี ถือว่าเป็นพระรุ่นพี่ สามารถประกอบพิธีดังกล่าวได้ ส่วนพระลูกวัด ที่ถูกแย่งกิจนิมนต์นั้น ก็ควรเคารพในการตัดสินใจของญาติโยม และเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ความขัดแย้งในอดีต อาจเป็นเพราะสะสมและนำมารวมกันกับเรื่องที่เกิดขึ้น

พระเทพศาสนาภิบาล กล่าวอีกว่า ในฐานะเจ้าอาวาสจึงได้นิมนต์พระทั้ง 2 รูป เข้ามาพบ เบื้องต้นพระเลขาฯ ได้เข้ามาอธิบายและให้ข้อมูลกับตัวเองครบถ้วนแล้ว ซึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดและพูดคุยกันไม่ลงตัว จึงบันดาลโทสะ

ส่วนพระลูกวัดยังไม่เดินทางมาพบ มีเพียงโยมแม่ของพระเท่านั้นที่เข้ามาขอโทษ ยืนยันได้ว่าทุกอย่างจบลงแล้ว รอเพียงให้พระลูกวัดรูปดังกล่าวเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง  แต่การกระทำของพระทั้ง 2 รูป ก็ไม่ได้เกิดความรุนแรงหรือผิดวินัย ดังนั้นจึงเป็นเพียงแค่การเตือนสติเท่านั้น ไม่ถึงขั้นปาราชิก หรือต้องให้มีการลาสิกขาเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม พระปลัดวุฒิพงษ์ หัวหน้าสำนักงานวัด ซึ่งติดกิจนิมนต์ที่ต่างจังหวัด เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า วันเกิดเหตุพระลูกวัดเดินเข้ามาที่สำนักงานวัดไร่ขิง พร้อมกับกระดาษ 2 แผ่น และเขียนรายชื่อพระมาด้วย พร้อมบอกตนว่ารับงานมา 2 งาน

ซึ่งตนเองได้ถามกลับไปว่าท่านรับงานมาได้อย่างไร ทำไมไม่มาปรึกษาสำนักงานก่อน เพราะวันที่รับงานมาชนกันงานที่มีอยู่ จึงทำให้เกิดเป็นปัญหาพระไม่พอ แต่พระรูปดังกล่าวก็ยังดึงดันจะให้รับงาน ตนเองจึงยอม และให้พระรูปดังกล่าวดำเนินการเองทั้งหมด และครั้งนั้นเหมือนว่าจะจบลงด้วยดี

ก่อนพระลูกวัดรูปดังกล่าวจะเดินออกไปจากสำนักงาน ได้หันกลับมาบอกว่า การเจิมรถให้กับญาติโยม หลวงพี่เป็นคนเจิมหรือไม่อย่างไร และหลวงพี่ไปเจิมรถเขาได้อย่างไร ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ จะเสียชื่อวัดหรือไม่ ซึ่งจากคำพูดดังกล่าวตนเองบอกว่าเป็นคนละเรื่องกัน

โดยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยเรื่องกิจนิมนต์ แต่ได้หยิบเอาเรื่องส่วนตัวขึ้นมาพูด เพราะการเจิมรถเป็นเรื่องส่วนตัวที่ญาติโยมศรัทธา และเข้ามาขอให้เจิมรถให้ ตนเองจึงหันไปหยิบเอาแก้วกาแฟที่วางอยู่ขึ้นมาเขวี้ยงไปโดนพื้น และภายในถ้วยยังมีน้ำกาแฟอยู่ จึงกระเด็นไปทั่วพื้นและโดนตัวของพระ จากนั้นพระรูปดังกล่าวก็รีบออกไปจากสำนักงาน และเหตุการณ์นั้นยอมรับว่าตนเองรู้สึกโกรธกับคำพูด จึงบันดาลโทสะ

 

Leave a Reply