ภาพประวัติศสตร์หลวงพ่อคูณบริจาคสรีรสังขารม.ขอนแก่น

ภาพประวัติศสตร์หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ในวันบริจาคศพให้คณะแพทย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๓๗ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ หรือ พระเทพวิทยาคม มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๑.๔๕ น. ด้วยอายุ ๙๒ ปี ณ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับอนุญาตให้ดำเนินตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ในการนำสรีระสังขารหลวงพ่อคูณมาบำเพ็ญกุศล และมอบให้แก่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ศึกษาเรียนรู้

โดยสรีระสังขารหลวงพ่อคูณได้เคลื่อนสู่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อ วันที่ ๒๔ พ.ค. ๒๕๕๘ และนักศึกษากลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้ศึกษาเรียนรู้เป็นคุณอันเอนกอนันต์เรื่อยมา ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ สิ้นสุดกระบวนการจัดการเรียนการสอน และจะเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่เป็นกรณีพิเศษต่อไป

เพื่อดำเนินตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ คณะทำงานฯ ได้กำหนดพิธีบำเพ็ญกุศลฯ ในวันอังคารที่ ๒๒ – ๒๘ มกราคม ๒๕๖๒ ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ส่วนพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่ หลวงพ่อคูณ ในวันอังคารที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒ ณ พุทธมณฑลอีสานจังหวัดขอนแก่น โดยเมรุลอยหลวงพ่อคูณออกแบบให้สอดคล้องกับประเพณีโบราณของอีสานสำหรับพระสงฆ์ที่มีสมณะสูง

ทั้งนี้ได้ออกแบบเป็นรูปนกหัสดีลิงค์เทินบุษบกสีขาวบริสุทธิ์ทั้งหลัง ซึ่งเป็นการจินตนาการถึงสวรรค์ บนฐานแปดเหลี่ยม สูง ๒๒.๖ เมตร และฐานเมรุกว้าง ๑๖ เมตร ประดับประดาด้วยสรรพสัตว์ต่าง ๆ จากเขาพระสุเมรุ จำลองตามคติในพระพุทธศาสนา มีรูปทรงและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแสดงถึงอัตลักษณ์ของชาวอีสาน

หลังจากพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่ หลวงพ่อคูณ สถานที่ตรงนี้จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และได้วางแผนการก่อสร้างอนุสรณ์สถานครอบไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงคุณงามความดีให้ศิษยานุศิษย์สามารถเข้าสักการะได้ โดยรูปแบบทางสถาปัตยกรรม จะใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์ มีรูปแบบประยุกต์ เรียบง่าย สมถะ สันโดษ บรรยากาศภายในใช้แสงเป็นสัญลักษณ์แห่งนิพพาน

พินัยกรรมหลววำอคูณ เขียนไว้ก่อนหลวงพ่อคูณละสังขาร ประมาณ ๔ ปีที่ผ่านมา โดยพินัยกรรมดังกล่าวมีพยานรับรอง ๔ คน คือ ๑.ร.ศ.สุขชาติ เกิดผล รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๒.นายประทีป วงษ์กาญจนรัตน์ ๓.นายธวัช เรืองหร่าย ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ และ ๔.นายเนาวรัตน์ สังการกำแหง นิติกร ๘ (ชำนาญการ) มหาวิทยาลัยขอนแก่น

สำหรับเนื้อหาพินัยกรรมดังกล่าวมีข้อความว่า อาตมาหลวงพ่อคูณ อายุ ๗๗ ปี ถิ่นพำนักวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๓ ขอทำพินัยกรรมกำหนดการ เผื่อถึงการมรณภาพ เกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพของอาตมา ภายหลังที่อาตมาถึงมรณภาพลง ๑.ศพของอาตมา ให้มอบแก่มหาวิทยาลัยขอนแก่นภายใน ๒๔ ชั่วโมง หลังจากมรณะภาพลง เพื่อให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น มอบให้กับภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปศึกษาค้นคว้าตามวัตถุประสงค์ของภาคต่อไป

๒.พิธีกรรมศาสนา การสวดอภิธรรมศพ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นทำพิธีสวด พระอภิธรรมศพ ที่คณะแพทยศาสตร์ ๗ วัน ตั้งแต่ถึงวันมรณภาพลง

๓.การจัดทำพิธีบำเพ็ญกุศลเมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ให้จัดงานแบบเรียบง่าย ละเว้นการพิธีสมโภชน์ใดๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ โกฏิและพระราชพิธีอื่นๆ เป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ

โดยให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กระทำพิธีเช่นเดียวกับการจัดพิธีศพของอาจารย์ใหญ่นักศึกษาแพทย์ประจำปีร่วมกับอาจารย์ใหญ่ท่านอื่น แล้วเผา ณ ฌาปนสถานวัดหนองแวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หรือวัดอื่นใดที่คณะแพทยศาสตร์เห็นสมควรและเหมาะสม โดยทำพิธีเผาให้เสร็จสิ้นที่ จ.ขอนแก่น

๔.เมื่อดำเนินตามข้อ ๓ เสร็จสิ้นแล้ว อัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นนำไปลอยที่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม

๕.ค่าใช้จ่ายและเงินอื่นใดที่เกิดขึ้นจาการดำเนินการตามนัย ข้อ ๒,๓ และ ๔ ให้ดำเนินการ ดังนี้

๕.๑ ค่าใช้จ่ายในการจัดงานและบำเพ็ญกุศลศพทั้งหมด ให้นำเงินที่อาตมาบริจาคให้แก่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี ๒๕๓๖ เป็นเงินเริ่มต้นในการดำเนินการจัดงานศพ ถ้าไม่เพียงพอให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทดรองจ่ายไปกอ่น

๕.๒ ในการจัดการและบำเพ็ญกุศลศพ ตามนัยข้อ ๕.๑ หากมีเงินเหลือหรือมีผู้บริจาคสมทบ ให้คืนเงินที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทดรองจ่ายไปก่อนให้เสร็จสิ้น

๕.๓ หากมีเงินเหลืออยู่อีกหลังจากดำเนินการตามนัยข้อ ๕.๑ และข้อ ๕.๒ แล้วให้มอบแก่กองทุนพระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฎ์(หลวงปู่เทสก์) เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือพระสงฆ์ที่อาพาธประจำหอผู้ป่วยหอสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือให้ดำเนินการอย่างอื่นตามที่อาตมาหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธเห็นสมควร โดยอาตมาจะแสดงความประสงค์ให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมแนบไว้ให้ทราบต่อไป หากไม่ดำเนินการให้ถือตามความในตอนต้นเท่านั้น

๖.ให้นายอำเภอด่านขุนทด ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และคณะบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกันเป็นผู้จัดการศพ มีอำนาจดำเนินการให้เป็นไปตามพินัยกรรมนี้

๗.ให้ยกเลิกพินัยกรรม ฉบับวันที่ ๑๕ ก.ย. ๒๕๓๖ หรือฉบับอื่นใดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ และให้ยึดถือพินัยกรรมฉบับนี้แทน

๘.พินัยกรรมฉบับนี้ ต้นฉบับเก็บรักษาไว้ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และได้มีการทำสำเนาไว้อีก ๓ ชุด เก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ศึกษาธิการอำเภอด่านขุนทด และนายอำเภอด่านขุนทด แห่งละ ๑ ฉบับ

ทั้งนี้เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ หลวงพ่อคูณ ได้เคยให้สัมภาษณ์ นายสุทธิคุณ กองทอง อดีตผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” ถึงเหตุผลการพินัยกรรมฉบับดังกล่าวว่า การทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อไม่ต้องการให้ศิษยานุศิษย์เดือดร้อน หรือเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อยามที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อไม่ต้องการให้เกิดเป็นปัญหาระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน อย่างน้อยก็เป็นการลดภาระลงไปได้ เพราะเมื่อได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาลูกศิษย์จะได้ไม่ต้องเกิดความขัดแย้งกันเอง

“กูเองไม่อยากเป็นภาระกับคนอื่น เมื่อตายไปแล้วก็อยากให้ทุกคนได้ดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม โดยกูเองก็ได้ให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง หลังที่กูตายไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่กูให้เผาศพกู ก็เพราะกูไม่อยากให้เป็นภาระ ไม่อยากให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ใดๆ จากตัวกู นี่แหละที่กูอยากให้ทำนะไอ้ลูกหลานเอ้ย”

#พระราชทานเพลิงศพครูใหญ่
#หลวงพ่อคูณ
#พุทธมณฑลอีสาน
#จังหวัดขอนแก่น
#มหาวิทยาลัยขอนแก่น
#หลวงพ่อคูณปริสุทโธ
#พระเทพวิทยาคม
#พินันกรรม
#วัดบ้านไร่
#Cr.พระองค์ครู ไตรเทพ ไกรงู

Leave a Reply