ดร.ฟากิฮ ฝ่ายประสานงานระหว่างประเทศ และเป็นสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็น กล่าวว่า พวกเขายอมรับว่าพวกเขาเป็นคนมลายูแต่บรรพบุรุษไม่เปลี่ยนศาสนา และพระสงฆ์เหล่านั้นก็ห้ามทหารเข้ามาตั้งฐานในวัด ตามกฎดั้งเดิมของ บีอาร์เอ็น พระไม่ใช่ศัตรูที่จะต้องฆ่า โดยตอนพบเจ้าอาวาสที่ประทเศบรูไน ท่านบอกกับผมว่า ท่านไม่ได้ต่อต้านคนที่จับอาวุธต่อสู้ เพราะท่านรู้ว่าทำไมพวกเขาต้องญูแว และท่านบอกว่าท่านอยู่กับคนมลายู

กรณีที่เกิดขึ้นนี้ ในความเป็นจริงแล้วตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ และบีอาร์เอ็นไม่ทำแน่นอน แต่เป็นกลยุทธ์ของนักล่าอาณานิคมที่ต้องการให้แตกแยก และต้องการบอกกับนานาชาติว่า บีอาร์เอ็นเป็นผู้ก่อการร้าย ก่อนหน้านี้บีอาร์เอ็นก็ไม่เคยออกมายอมรับเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคือวิธีการของเรา

ดังนั้นในปี 2548 ผมได้รับอนุญาตให้ติดต่อประสานงานกับต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศจากตะวันตก เพื่ออธิบายว่าไม่เกี่ยวข้องกับเจไอและอัลกออีดะ ซึ่งในช่วงนั้นอุสมาน บินลาเด็น และอาบาการ์ อัลบาซีรกำลังแอคทีฟซึ่งคนของเรามีความเข้าใจผิดกับเรื่องนี้มากในช่วงนั้น เปรียบเสมือนกบในกะลา แต่สมัยนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหวังว่านักวิชาการและนักวิเคราะห์ในพื้นที่จะมีความสามัคคีกัยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว   (โปรดพิจารณา : ไม่มีวันและเวลาสัมภาษณ์)

ข้อมูล : SANOOK.COM