วันที่ 8 สิงหาคม 2564   นสพ.ไทยรัฐออนไลน์   ได้รายงานว่า พระครูอมรธรรมทัต (อมรทัตต์ เหลี่ยมประกายแก้ว) อายุ 64 ปี เจ้าอาวาสวัดพันอ้น จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมคิด ภูสด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยขอแจ้งความดำเนินคดีกับ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทุกคน โดยกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักร้าช 2560 มาตรา 67 บัญญัติไว้ว่า รัฐพึ่งอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ไม่ว่าในรูปแบบใดและพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วม ในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย แต่เนื่องจากกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 67 ฝ่ายนิติบัญญัติยังไม่มีการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญออกมาบังคับใช้ ทั้งที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เข้าทำงานผ่านมาแล้ว 2 ปีกว่า กฎหมายอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ยังไม่ปรากฎเห็นเป็นรูปธรรม ปล่อยให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนาทำลาย และย่ำยีพระพุทธศาสนาในรูปแบบต่างๆถือได้ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย เหตุเกิดที่รัฐสภาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานประชุมของ ส.ส.และ ส.ว. ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ.2562 จนถึงปัจจุบัน

โดย พ.ต.ท.สมคิด ภูสด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับเรื่องกล่าวทุกข์ไว้ และจะนัดสอบปากคำพระครูอมรธรรมทัตในวันที่ 9 ส.ค.นี้ เพื่อดำเนินนการไปตามขั้นตอนต่อไป และเปิดเผยว่า เมื่อทางพระครูอมรทัตมาแจ้งข้อกล่าวหา ตนก็ต้องรับแจ้งและจะนัดมาสอบปากคำ เมื่อทราบว่าเหตุเกิดในพื้นที่ใด ก็จะส่งเรื่องให้ไปดำเนินการในพื้นที่นั้นต่อไป ก็คงไม่มีอะไรซับซ้อนในเรื่องนี้

สำหรับ “พระครูอมรธรรมทัต” เจ้าอาวาสวัดพันอ้น ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เคยถูกสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ สอบสวนเพราะมองว่าอวดอุตริมนุสธรรม อ้างตัวเป็นผู้หยั่งรู้ เมื่อปี 2562 หลังเผยแพร่ “คำทำนาย” จะเกิดภัยแล้งคุกคามหนัก เกษตรกรจะเดือดร้อน จะเกิดแผ่นดินไหว การค้าขายจะฝืดเคือง เศรษฐกิจจะชะลอตัว ประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินเดือด แผ่นดินจะร้อนระอุลุกเป็นไฟขึ้นอีกคำรบหนึ่ง ความขัดแย้งของนักการเมือง รวมทั้งประชาชนที่เห็นต่างจะลุกขึ้นมาประท้วงก่อการจลาจล และเป็นช่องทางให้ทหาร ออกมาเคลื่อนไหวสร้างอิทธิพลอีกครั้งหนึ่ง

กระทั่งล่าสุดออกมาทำนายสถานการณ์บ้านเมือง ตั้งแต่ 14 มี.ค. 2564 ไปจนถึง 1 เม.ย.2565 เตือนว่า เชื้อไวรัสจะยังคงสร้างปัญหาความเดือดร้อนเสียหายให้เกิดกับมนุษยชาติต่อไปอีกระยะ และปี 2564 น้ำให้โทษ จะเกิดพายุฝนขึ้นในเดือนพฤษภาคมและเดือนสิงหาคม พายุฝนจะตกหนักต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนประชาชนในที่ลุ่มต่ำ จากนั้นฝนจะทิ้งช่วงเกิดภัยแล้งอย่างหนัก ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ ยังคงถูกม็อบประท้วงสร้างความปั่นป่วน ยิ่งเกิดภัยแล้งลุกลาม ทำให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน จะออกมาประท้วงร่วมอีกทางหนึ่ง และให้ระวังที่สุดในเรื่องแผ่นดินไหว

 ขอบคุณข้อมูล : นสพ.ไทยรัฐ