วันที่ 4 ก.พ.2562 เป็นวันแรกของการเปิดรับสมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ เนื่องจากกฏ กติกา ของการเลือกตั้ง ที่เบอร์พรรคไม่มี มีแต่เบอร์ผู้สมัคร และในแต่ละจังหวัดเบอร์ของผู้สมัครของพรรคเดียวกันก็ไม่ตรงกันอีก จึงทำให้บรรยากาศไม่คึกคักเท่าใดนัก เพราะไม่จำเป็นต้องลุ้นอะไรมาก
ส่วนการรายการบรรยากาศของสื่อมวลชนทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัดจะให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองใหญ่และบุคคลสำคัญตามจุดต่าง ๆ สังเกตจากเนื้อหาของข่าวจากสำนักต่างๆ แถบจะไม่ปรากฏชื่อผู้สมัครและพรรคเล็กๆ ที่เกิดใหม่เลย
จะเรียกเสียงฮือฮาและแหลมคมมาบ้างก็มีเพียงพรรคเพื่อชาติ ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าภายใต้การสนับสนุนของใคร โดยผู้สมัครของพรรคเกือบ 20 คนได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ” และ”ยิ่งลักษณ์”
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติก็ออกมาปฏิเสธว่า ทางพรรคไม่ได้บอกให้เปลี่ยนชื่อแต่อย่างใด เข้าใจว่าผู้สมัครได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนและตัดสินใจกันเปลี่ยนชื่อ ตนมาทราบว่าผู้สมัครของพรรคเปลี่ยนชื่อเป็นนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันรับสมัครรับเลือกตั้ง
“มองว่าการเปลี่ยนชื่อ เป็นความเชื่อและเสรีภาพ ตนเคารพในการตัดสินใจของแต่ละคน และคิดว่าการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวผู้สมัครมีความเชื่อว่าจะเป็นที่จดจำของประชาชน ส่วนการตัดสินใจใดๆก็เป็นเรื่องของประชาชนในวันเลือกตั้ง”นายจตุพร กล่าว
กกต.และเจ้าหน้าที่ปกครองก็บอกว่า “ทำได้ไม่ผิด” และคาดว่าอาจจะมีการเปลี่ยนชื่ออีก นับได้ว่าเป็นการแก้เกมทางการเมืองได้ในระดับหนึ่ง หลังจากมีกระแสวิจารณ์ใช้ยุทธศาสตร์แบงค์พันแตกแบงค์ร้อย
แต่พรรคเล็กดูจะมีสีสันบ้างเล็กน้อย นั้นก็คือ น.ส.อมรรัตน์ เข็มขาว ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำหวัดนราธิวาส ได้ลงสมัครส.ส.นราธิวาสเขต 1 สังกัดพรรคแผ่นดินธรรม ได้หมายเลข 19 นับได้ว่าเป็นความกล้าหาญของเธอ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2562 ที่ผ่านมาคนร้ายได้บุกยิงพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส และลูกวัดมรณภาพ สร้างความเศร้าให้กับวงการคณะสงฆ์และชาวพุทธ
ทั้งนี้พรรคแผ่นดินธรรมมีสโลแกนว่า “ศีลธรรม นำชาติ” เพราะหากสังคมโลกไม่มีศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สติ ที่จะไปกำกับ ปัญญา ที่สำคัญคืองปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอที่เป็นการพัฒนาขั้นสุดยอดแห่งเทคโนโยลีแล้ว มนุษย์ตกเป็นทาสเอไออย่างแน่นอน
แต่เมื่อพิจารณานโยบายพรรคการเมืองต่างๆ แล้วส่วนใหญ่มุ่งแต่พัฒนาด้านวัตถุให้ความสำคัยกับเทคโนโยลีหรือเอไอกันทั้งนั้น แม้มีพรรคการเมืองได้ระบุถึงนโยบายด้านการศึกษาสนับสนุนการคิดวิเคราะห์และคิดสร้างสรรค์ แม้จะสอดคล้องกับการพัฒนาทักษะบุคลากรในศตวรรษที่ 21 แต่ก็ยังไม่เห็นนโนบายที่เป็นสร้างโครงในการพัฒนาบุคลากรที่ชัดเจน เพื่อรองรับกับยุค Disruption ก็คงมีแต่พรรคพุทธอย่างพรรคแผ่นดินธรรมที่กล้าชูสโลแกรน “ศีลธรรม นำชาติ” เท่านั้น
เมื่อสื่อมวลชนกระแสหลักไม่เปิดมุมมองใหม่ให้กับสังคม การเมืองไทยก็คงจะตกอยู่ในวงวนเดิมๆ ที่ยืนอยู่บนฝั่งสุดโต่งสองขั้วรังเกิดจะเกิดความขัดแย้ง รุนแรงตามมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง ที่นักการเมืองบอกว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ไม่มีนโยบายหรือวิธีการสร้างความปองดองที่ชัดเจน สิ่งที่นักการเมืองพูดก็เป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น ยากที่จะเป็นจริง พรรคการเมืองใหม่ที่ไร้กระสุนดินดำคงต้องใช้สื่อออนไลน์ในการนำเสนอตัวผู้สมัครและนโยบายที่แตกต่างจากพรรคกระแสหลักมากยิ่งขึ้น
Leave a Reply