อาจารย์ “มจร” เสียดาย “พระมหาอุเทน” พร้อมด้วย “วิชชาและจรณะ” แต่พลาด!! หลงโซเชียล??

วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เฟชบุ๊ค ดร.แสวง นิลนามะ อาจารย์ประจำคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เสียดาย “พระมหาอุเทน ปญฺญาปริทตฺโต” วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานคร หลังมีข่าวว่าถูก “ขับไล่” ออกจากสังกัดวัดชนะคราม กรุงเทพมหานคร อันเนื่องมาจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้ก่อวิวาทะ กล่าวพาดพึงถึงฆราวาส ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย โดย ผศ.ดร.แสวง นิลลามะ ได้กล่าวว่า เสียดาย แต่ก็ขอกราบถวายกำลังใจครับ

@ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เพรียบพร้อมด้วย วิชชา (ความรู้ท่านดีมาก)
-จบ ป.ธ.9(ขณะเป็นสามเณร/นาคหลวง)
-จบ พธ.บ.(ปรัชญา) เกียรตินิยมอันดับ 1 มจร.

@จรณะ (ความประพฤติ/อาจาระ/จรณะท่านก็น่าเลื่อมใส)
– สนใจกรรมฐานตั้งแต่เป็นสามเณร
– ไปฝึกปฎิบัติธรรมอย่างเข้มงวด
– เป็นวิปัสสนาจารย์ประจำยุวพุทธิกสมาคม
เมื่อท่านพร้อมด้วยวิชชาและจรณะดังว่า ท่านจึงเป็น #พระสงฆ์รูปหนึ่งที่หาได้ยาก

@ หาได้ยากในด้านปริยัติ
การที่ท่านสอบได้ ป.ธ.9 ขณะเป็นสามเณร นับว่าเป็นตัวแทนพระสงฆ์สามเณรสายปริยัติที่หาได้ยาก (ยากที่จะสอบ ป.ธ.9 ได้ขณะเป็นสามเณรและได้รับการอุปสมบทเป็นนาคหลวง/ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ในหลวงทรงเป็นเจ้าภาพบวชให้) ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสำเด็จพระราชาคณะเป็นพระอุปัชฌาย์

@ หาได้ยากในด้านการปฎิบัติ
ในขณะที่ศึกษาบาลีและศึกษา มจร.ท่านมีอุปนิสัยฝักใฝ่พระกรรมฐาน นับว่าเป็นพระหนุ่มเณรน้อยที่สนใจด้านนี้มีน้อยมากหรือเป็นความยากอีกชั้นหนึ่งเข้าไปอีก

@ หาได้ยากยิ่งนัก(ในเมืองหลวง)
ยิ่งไปกว่านั้น การที่พระสงฆ์สามเณรในเมืองหลวง กทม.จะสนใจพระกรรมฐานอย่างจริงจัง ก็ยิ่งโคตรยากเข้าไปอีก อุปมาเหมือนทำนากลางเมืองหลวง คนก็จะหาว่าบ้า ! (ในอดีตเราเคยได้ยินพระกรรมฐานในเมืองกรุงไม่กี่รูป เช่น เจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเป็นพระผู้ใหญ่ หาพระหนุ่มเณรน้อยอย่างท่าน อ.พม.อุเทน นี้หายากครับ)

แต่พักหลังนี้ ความที่ท่านมีของดีในตัวนี่แหละ (สิ่งที่หายากดังว่ามา)อาจทำให้ท่านเผลอคิดหรือหลง ซึ่งน่าจะ ถูกวิปัสสนูปกิเลสครอบงำ ไปบ้างบวกกับการเล่นโซเชี่ยลมากไปนิดหนึ่ง อีกทั้ง FC.ก็ไม่มีใครตักเตือนท่าน(ขาดกัลยาณมิตรผู้กล้าหาญคอยกระตุกเตือนสติ)ทำให้เผลอและคุมตัวเองไม่อยู่..หรือเกิดอาการ หลุด จึงโพล่งออกมาเหมือนเขื่อนทะลุ กิเลสและอารมณ์ที่เคยถูกสมถะกดทับข่มไว้ จึงออกมาเพ่นพ่านจนควบคุมไม่อยู่ อุปมาเหมือนหินทับหญ้าไว้ พอกลิ้งหรือก้อนหินถูกผลักออก หญ้าเลยงอกงามอย่างรวดเร็ว กลายเป็นงามหน้า ไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม ด่ากราดแบบผิดวิสัยพระที่พร้อมด้วยวิชชาจรณะที่เคยมีเคยเป็น !

ผมพูดได้แค่ 2 คำว่า “เสียดาย”แต่เอาเถิดท่านไม่ได้ต้องอาบัติหนักถึงปาราชิก แค่เล่นสื่อแล้วสื่อเล่นกลับ โบราณอีสานว่า

-หยอกหมาหมาเลียปาก
– หยอกสากสากตีหัว

และคนถูกหยอก เขาไม่ขำด้วย แต่เขาด่าคืนชนิดลามปามไปถึงเจ้าคณะหน เจ้าคณะ กทม.เจ้าอาวาส
วัดก็คงเตือนหลายรอบแล้ว สุดท้ายจึงให้ภาคทัณฑ์(คาดโทษไว้)แต่ท่านตัดสินใตที่จะออกจากวัด ผมว่า เป็นผลดีครับ อยากให้ท่านหันกลับฝึกกรรมฐานอย่างจริงจัง เข้าป่า เข้าถ้ำเหมือนพระอาจารย์ พระมหาสุภา ชิโนรโส ป.ธ.9(นาคหลวง) ใฝ่ในการปฎิบัติธรรมในถ้ำ ในป่าช้า ในสุสาน ปัจจุบันพำนักอยู่วัดถ้ำอัศวเหมวนาราม จ.กาฬสินธุ์ อีกรูปที่งดงามน่าเคารพครับ !

การที่คณะสงฆ์วัดชนะมีมติให้คาดโทษ ด้วยความคาดหวังว่า ท่านคงจะได้สติหรือสำนึกตรึกตรองสงบอารมณ์ ผมเดาใจพระมหาเถระในวัดชนะสงครา ว่า ท่านคงมีเมตตาธรรมอยากเห็นพระมหาอุเทน ปญฺญาปริทตฺโต (สัจจัง) ได้สติ ทบทวนตัวเองที่ผ่านมาอีกครั้ง ให้ไปหาที่สัปปายะ สุนทรียะ ไม่มีใครรบกวน ไม่มีอินเตอร์เน็ตไวไฟ แล้วกลับมาเป็นพระอาจารย์สอนการแต่งฉันท์บาลี และสอนกรรมฐานที่มีอารมณ์นิ่งเงียบสงบเคร่งครัดอีกครั้ง ซึ่งคณะสงฆ์วัดชนะสงคราม คงรอวันนั้น พระมหาเถระคงไม่ไร้ความเมตตาปราณีตัดขาดจากสายสัมพันธ์แห่งวงศ์พรหมจรรย์แบบไร้ญาติขาดมิตรเป็นแน่ !

ถึงวันนั้นผมคิดว่า ช้างเผือกอาจได้คืนสู่พระนครอีกครั้ง (ถ้าท่านคิดจะหวนกลับคืนมา)ครับ
ด้วยความเคารพและขอกราบถวายกำลังใจครับ

Leave a Reply