ปลัด มท. ถ่ายทอดจิตวิญญาณชาวราชสีห์จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง เน้นย้ำคนมหาดไทยต้องยึดหลัก “ 3 ครอง”  สืบสานพระปณิธาน องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย

วันที่ 2 มี.ค. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีการบริหารด้านทรัพยากรบุคคลมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างศักยภาพ “ราชสีห์รุ่นใหม่” เพื่อบ่มเพาะเป็นข้าราชการน้ำดีทำงานรับใช้ประชาชนและประเทศชาติสนองตอบความคาดหวังของพี่น้องประชาชน โดยเมื่อช่วงเดือนมกราคม 65 ที่ผ่านมา ได้จัดให้มีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งนักวิชาการคอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ นักวิชาการพัสดุปฏิบัติการ และนายช่างไฟฟ้าปฏิบัติงาน และในขณะนี้ ได้มีการประกาศผลการสอบแข่งขันฯ และเรียกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการตำแหน่งดังกล่าวข้างต้น นอกจากนี้ ได้มีข้าราชการสังกัดกรมอื่น ๆ โอนย้ายมาบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจในการขับเคลื่อนการทำงานในฐานะผู้นำการบูรณาการและประสานการปฏิบัติกับทุกกระทรวง ทบวง กรม ในระดับพื้นที่ มีประวัติความเป็นมาที่สั่งสมภารกิจอันสำคัญควบคู่กับการบริหารราชการแผ่นดิน จึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องถ่ายทอดประสบการณ์ ทักษะ และเสริมสร้างค่านิยมความเป็น “ผู้นำ” ในการขับเคลื่อนภารกิจงานตามอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบ ระเบียบ กฎหมาย รวมถึงคุณธรรม จริยธรรม และการอำนวยประโยชน์พี่น้องประชาชน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา สถาบันดำรงราชานุภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้จัดให้มีการปฐมนิเทศข้าราชการที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและที่โอนมารับราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ปฐมบทคนมหาดไทย” ด้วยตนเอง ผ่านระบบ ZOOM ไปยังวิทยาลัยมหาดไทย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ ให้กับน้อง ๆ ข้าราชการใหม่ ซึ่งนับว่าข้าราชการกลุ่มนี้เป็น “รุ่น 130 ปีกระทรวงมหาดไทย”

โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวเน้นย้ำกับข้าราชการบรรจุใหม่ทุกคน ถึงประวัติความเป็นมาของกระทรวงมหาดไทยที่มีมายาวนานถึง 130 ปี โดยได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2435 มีองค์ปฐมเสนาบดี คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งพระองค์ได้ประทานคำขวัญ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับชาวมหาดไทย เพื่อจรรโลงให้ข้าราชการทุกคนทำหน้าที่ให้พี่น้องประชาชนมีความสุข มีความชื่นใจ ซึ่งได้มีการสืบสานเป็นแนวปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน โดยข้าราชการใหม่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย จะต้องน้อมนำพระปณิธานนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนและเตือนใจให้ประพฤติปฏิบัติตนในทางที่เหมาะสม สะท้อนตามหลักการง่าย ๆ 3 ประการ คือ 1) ครองตน ด้วยการดูแลเอาใจใส่ตัวเอง อย่าให้สุขภาพทรุดโทรมด้วยอบายมุขทั้งหลาย ทำตัวให้เป็นคนที่เชื่อถือได้ น่าเลื่อมใส รักษาเวลา รักษาคำพูด รักษาสัจจะ ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มสติกำลังความสามารถ เป็นคนดี ทุ่มเท อุทิศเวลาในการทำงานในตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบ ใช้เวลาว่างในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม 2) ครองคน ด้วยการเสริมสร้างการทำงานเป็นทีม มีน้ำใจไมตรี ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน รู้จักพูดคุย โอภาปราศรัย และเมื่องานของตนเสร็จสมบูรณ์แล้ว หมั่นเหลียวมองรอบตัวเราว่ามีงานใดของเพื่อนร่วมงานที่ยังไม่เสร็จและเรามีความรู้ความสามารถที่จะช่วยเขาได้ จงอย่ารีรอที่จะอาสาช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน และ 3) ครองงาน ต้องเต็มที่กับงาน โดยเฉพาะงานในหน้าที่ เรียนรู้รูปแบบการทำงานจากรุ่นพี่ข้าราชการ และขวนขวายจากระเบียบ ข้อกฎหมาย ใช้หัวใจนักปราชญ์ “สุ จิ ปุ ลิ” อันได้แก่ “สุ” คือ สุตะ หมายถึง การฟัง “จิ” คือ จินตะ หมายถึง มีความคิดในการใคร่ครวญ มีสมาธิที่จะจดจำและคิดหาเหตุและผล “ปุ” คือ ปุจฉา หมายถึง รู้จักตั้งคำถาม ทั้งถามตอบทั่วไป และถามในความรู้ของเราและที่เรายังมีข้อสงสัย เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง ละเอียดเพิ่มเติม ไม่เชื่อใครได้โดยง่าย เป็นการต่อยอดจากการคิดใคร่ครวญ และ “ลิ” คือ ลิขิต หมายถึง การเขียน ซึ่งในการรับราชการ งานเขียนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ต้องฝึกเขียนหนังสือราชการให้เป็น ฝึกฝนด้วยการขยันอ่าน โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับวรรณคดีไทย เช่น ขุนช้าง ขุนแผน รามเกียรติ์ มัทนะพาธา ฯลฯ ซึ่งจะเสริมทักษะด้านวรรณศิลป์ให้กับตนเองให้ได้รับการพัฒนา และต้องฝึกเขียนหนังสือราชการ ศึกษาให้รู้งานเอกสาร งานสารบรรณ ต้องรู้จักอ่าน ฝึกฝนให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ลดข้อผิดพลาดในการวินิจฉัยงาน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ด้วยความยาวนานของการสถาปนากระทรวงมหาดไทยที่อยู่คู่กับการปกครองของประเทศไทยกว่า 130 ปี คนมหาดไทยจึงทำงานคลุกคลีตีโมงกับพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยกลไกท่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทำให้เราได้ซึมซับวัฒนธรรมความเป็นพี่น้องของคนไทยอยู่ในสายโลหิต ดังนั้น ชีวิตของข้าราชการมหาดไทย ต้องมีแรงปรารถนา (Passion)  อันแรงกล้าในการเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องมีความรู้ (Knowledge) ทั้งรู้ระเบียบ กฎหมาย วิชาการสมัยใหม่ ดิจิทัล หลักการบริหาร สิ่งแวดล้อม และแนวทางการทำงานใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ในการเขียนหนังสือราชการตามระเบียบว่าด้วยงานสารบรรณ ทั้งหนังสือภายนอก หนังสือภายใน หนังสือประทับตรา หนังสือสั่งการ หนังสือประชาสัมพันธ์ และหนังสือที่จัดทำขึ้นหรือรับไว้เพื่อเป็นหลักฐานทางราชการ นอกจากนี้ ต้องรู้จักการสรุปประเด็นสำคัญ การจัดทำแผนผังความคิด (Mind Mapping) เพื่อทบทวนสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ให้มันผนึกแน่นในมันสมองกลั่นกรองเป็นวิธีปฏิบัติในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ต้องมีความสามารถในการทำงาน (Ability) เพื่อให้งานเกิดความสำเร็จ และตัวสุดท้ายที่มีความสำคัญต่อการชี้วัดตัดสินว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในการทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน นั่นคือ ทัศนคติ (Attitude) ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญที่สุด และเมื่อ Knowledge x Ablitity x Attitude จะมีค่าเท่ากับ Success หรือ “ความสำเร็จของงาน” นั่นเอง

“สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตการทำงานกับเพื่อนร่วมงาน นั่นคือ ความรับผิดชอบต่องานที่เราทำ ทุ่มเท อุทิศ เสียสละ ในการทำงานให้มากที่สุด ทั้งงานในหน้าที่ความรับผิดชอบตามหน้าที่ของเรา (Job Description) และงานที่นอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ (Extra Job) ทั้งช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน ช่วยคิด ริเริ่ม สร้างสรรค์ และต้องอย่าทำงานที่ไม่ดี อันได้แก่ งานชุ่ย ผิด ๆ ถูก ๆ งานไม่เสร็จ ล่าช้า เกินเวลา ต้องทวงถาม ต้องมีไมตรีจิต เป็นเหมือนรวงข้าวที่สุกแล้ว มีความอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนหวาน มีความเมตตา มีสัมมาคารวะ ให้เกียรติผู้อื่น เร่งรัดในการทำงาน ทำให้เนื้องานออกมาดี ทำให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น และในการทำงานย่อมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และเห็นต่าง ซึ่งขอให้เชื่อมั่นว่า ถ้าเราทำดี เราจะได้รับสิ่งที่ดี” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

ด้าน นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับข้าราชการใหม่ทุกท่าน และขอให้น้อง ๆ ข้าราชการใหม่ เป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทำงานอุทิศตนให้กับพี่น้องประชาชน เป็นที่รักของผู้บังคับบัญชา และพี่ ๆ ในที่ทำงาน เรียนรู้งานด้วยความมุ่งมั่น และฝึกฝนการทำงานด้วยความตั้งใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพี่ ๆ ภายในสำนักงานซึ่งอาจจะมีความแตกต่างเรื่องวัยวุฒิ คุณวุฒิ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ล้นเปี่ยมของพี่ ๆ จะสามารถสอนงานข้าราชการใหม่ทุกคนได้ ขออย่าได้อายที่จะได้ถามพี่ ๆ เพื่อน ๆ ในที่ทำงาน พร้อมทั้งปฏิบัติตัว ทั้งพฤติกรรม มารยาท การแต่งกายให้เรียบร้อย มีความพอเพียง รู้จักใช้จ่าย สมถะในการใช้ชีวิต อย่าฟุ่มเฟือย ต้องรู้เก็บออม และประการสำคัญที่สุด ต้องหมั่นศึกษาระเบียบ วิธีปฏิบัติราชการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุด คือ “ประโยชน์เพื่อแผ่นดิน”

 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังได้กล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทย มีกลไกราชการบริหารส่วนกลาง ได้แก่ 7 กรม 8 ส่วนราชการ คือ กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน กรมที่ดิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานรัฐมนตรี 6 รัฐวิสาหกิจ คือ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การตลาด และองค์การจัดการน้ำเสีย ราชการบริหารส่วนภูมิภาค คือ จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 7,547 แห่ง ในการกำกับดูแล โดยงานของทุกกระทรวง ทบวง กรม ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นคนมหาดไทยรับผิดชอบบังคับบัญชาข้าราชการในจังหวัดต้องเป็นผู้รับผิดชอบนำไปขับเคลื่อนในระดับจังหวัด นายอำเภอ นำไปขับเคลื่อนในระดับอำเภอ ชาวมหาดไทยเป็นเหมือน “หนุมานอาสา” ที่มีพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นคนมีจิตอาสาที่มาจากใจ ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน อยู่ในสายโลหิตพวกเราชาวมหาดไทย ดังนั้น จึงต้องตระหนักอยู่เสมอว่า “คนมหาดไทยต้องเป็นผู้นำและทำก่อนคนอื่น” เป็นผู้นำในสิ่งที่ดี ทำให้คนอื่นเห็น ตามหลักการ “ผู้นำต้องทำก่อน” แต่งกายเรียบร้อย พูดจาไพเราะอ่อนหวาน มีน้ำใจ ช่วยเหลือคนอื่น ทำบุญสุนทาน ปฏิบัติธรรมตามโอกาสต่าง ๆ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดี ทั้งมิติเศรษฐกิจ รายได้ ที่อยู่อาศัย การศึกษา สภาพแวดล้อม ประเพณีวัฒนธรรม ความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ต้องรับราชการ 24 ชั่วโมง 365 วัน ช่วยกันส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก สวมใส่ผ้าไทย อุดหนุนผลิตภัณฑ์โอทอปที่ผลิตด้วยน้ำพักน้ำแรงคนไทย “ข้าราชการมหาดไทยต้องนิยมไทย” รวมทั้งต้องเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นมนุษย์ 3Rs (3ช) คือ ใช้น้อย (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) นำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ด้วยจิตสำนึกและการลงมือทำที่ชัดเจนเพื่อเป็นต้นแบบที่ดี และการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ชีวิตตนเอง ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ สร้างความมั่นคงทางอาหาร ทั้งนี้ ทุกสิ่งจะประสบความสำเร็จหรือเกิดผลเช่นไรอยู่ที่ตัวเรา

 

    “ชีวิตเราเปรียบเสมือนเรือหรือนาวาที่อยู่ในมหาสมุทร จะไปรอดปลอดภัยได้ เราต้องยึดหลักคุณธรรมประจำใจไว้ให้มั่น หลีกเลี่ยงการทำผิดคิดชั่ว หมกมุ่นกับอบายมุข และให้ความโลภเข้ามาครอบงำ ทำให้ไขว้เขว ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ การศึกษา เรียนรู้ ทั้งจากรุ่นพี่ข้าราชการ จากเอกสาร และสถาบันการศึกษา มีความจำเป็นกับพวกเราตลอดชีวิต อย่าทิ้งโอกาสที่ดีของชีวิต ด้วยการเพลิดเพลินอยู่กับการทำงาน โดยไม่คำนึงถึงการวางแผนให้ชีวิตเราได้มีโอกาสมีความเจริญก้าวหน้า สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัว เพิ่มพูนหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น เริ่มต้นด้วยการสำรวจตรวจสอบการดำรงชีวิตประจำวันให้เป็นแบบอย่างและเป็นประโยชน์กับสังคม ดังคำกล่าวที่ว่า “ชาวมหาดไทยต้องเป็นผู้นำที่ทำก่อนคนอื่น” ใช้เวลา ใช้โอกาส ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในทางที่ดี แล้วพวกเราจะประสบความสำเร็จตามที่มุ่งหวัง ขอให้มีดวงตาเห็นธรรม เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี เจอผู้บังคับบัญชาที่น่ารัก และอย่าลืมว่าบัดนี้เราคือเลือดเนื้อเชื้อไขของมหาดไทยด้วยกัน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

Leave a Reply