เมื่อวานนี้ (17 ส.ค.63 ) ณ อาคารฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระวันรัต ประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ พร้อมนี้มี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ แม่กองธรรมสนามหลวง กรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ พระพรหมบัณฑิต ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศแห่งคณะสงฆ์ไทย,พระราชปริยัติกวี อธิการ มจร. พระราชปฎิภาณโกศล อธิการ มมร พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านพระพุทธศาสนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ กรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและคณะกรรมการ ร่วมประชุม ซึ่งที่ประชุมได้ปรึกษาหารือประเด็นสำคัญของอนุบัญญัติ “ร่างข้อบังคับคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ว่าด้วย การบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. .” และ “เรื่อง การอนุมัติให้ปริญญาและประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม”
จากการเปิดเผยของ พระเทพเวที รก.เจ้าคณะภาค 6,รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มจร และ คณะทำงานยกร่างกฎหมายลูก พ.ร.บ.พระปริยัติธรรม กล่าวว่า
วันนี้ถือว่า เป็นประวัติศาสตร์แห่งการศึกษาสงฆ์ไทยอีกวันหนึ่ง เนื่องด้วยคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งถือว่าเป็นบอร์ดใหญ่ด้านการศึกษาแห่งคณะสงฆ์ไทย ได้อนุมัติ “ข้อบังคับว่าด้วยการบริหารงานบุคคล” ซึ่งเป็นข้อบังคับที่สำคัญที่สุดเพื่อใช้เป็นกฏหมาย นำไปเสนอขอ “งบประมาณแผ่นดิน” มาบริหารการศึกษาแผนก บาลี/ นักธรรม/ปริยัติสามัญ/ ปริยัตินิเทศ/ของคณะสงฆ์ไทยต่อไป..
สำหรับ พ.ร.บ. พระปริยัติธรรมและข้อบังคับนี้ ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ได้ทุกข้อ ..คือ
ในส่วนของยุทธศาสตร์ชาติ ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ข้อที่ 3 คือ “การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์”
ในส่วนของยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ตอบโจทย์ได้ทุกข้อคือ..
1/ ยุทธศาสตร์ว่าด้วย ความมั่นคงด้านพระพุทธศาสนา
2/ยุทธศาสตร์ว่าด้วยการยกระดับกระบวนการการบริหารจัดการภายใน
3/ยุทธศาสตร์ว่าด้วยการพัฒนาสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้เชิงพุทธ
4/ยุทธศาสตร์ว่าด้วยการมีทรัพยากรเพียงพอในการขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนา..
เนื้อหาสาระสำคัญในข้อบังคับ.. ว่าด้วยการบริหารบุคคล ฉบับนี้..มีดังนี้
1/กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารงานบุคคล(กลาง)
2/กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารบุคคล
– กองบาลีสนามหลวง
– กองธรรมสนามหลวง
– สำนักงานการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ
– ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์
คือ ต่อไปนี้ คณะสงฆ์ ประสงค์จะให้มี”การบริหารการศึกษาสงฆ์”ให้เป็นไปตาม..
1/ หลักคุณธรรม( Rule of Virtues)
2/หลักนิติธรรม(Rule of Law)
3/หลักความโปร่งใส(Rule of Transparency)
4/ หลักแห่งการมีส่วนร่วม( Rule of Paticipation)
5/ หลักแห่งการรับผิดชอบ( Rule of Responsibilities)
6/ หลักแห่งความคุ้มค่า( Rule of Worthiness) นั่นเอง..
นอกจากนั้น ข้อบังคับ.. ฉบับนี้ ยังเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตาม มาตรา 12(7)(8)(11)และ(12) แห่ง พ.ร.บ. พระปริยัติธรรม พ.ศ. 2562 ที่บัญญัติไว้ ให้มี การกำหนดมาตรฐานกลางการบริหารงานบุคคลสำหรับผู้ปฏิบัติงาน เรียกชื่อย่อว่า “จศป” คือ เจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรมหรือผู้ปฏิบัติงานในสถานศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งนี้ให้รวมถึงผู้ปฏิบัติงานในกองบาลี/ กองธรรม/ สนง.การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา/ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ด้วย..โดยได้กำหนดรายละเอียดว่าด้วย..
-
การกำหนดตำแหน่ง
-
การสรรหา
-
การบรรจุ
-
การแต่งตั้ง
-
การพัฒนา
-
การพ้นจากตำแหน่ง
-
การรักษาวินัย
-
การดำเนินการตามวินัย
-
การร้องทุกข์
-
การอุทธรณ์
-
การลงโทษ
ซึ่งข้อบังคับนี้จะเป็นฐานให้กับการออกกฏหมายลูกฉบับสำคัญ ต่อไป ซึ่งร่างไว้แล้วประชุม เร็วๆนี้ สำหรับกฎหมายลูกที่จะประชุมในวาระต่อไปจะว่าด้วยเรื่อง..
-
การกำหนดอัตรากำลัง
-
เงินเดือน
-
เงินประจำตำแหน่ง
-
เงินวิทยฐานะ
-
เงินค่าตอบแทน
-
เงินค่าจ้าง
-
สวัสดิการ
-
สิทธิประโยชน์อื่นๆ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ “คาดว่ากฎหมายลูกทั้งหมดจะออกมาเสร็จสิ้นเร็ว ๆ นี้และจะเสนอเพื่อขออัตราและงบประมาณแผ่นดินในปี 2565 เป็นลำดับสืบต่อไป…” พระเทพเวที กล่าว
สำหรับ พ.ร.บ.พระปริยัติธรรรม ประกาศใช้มาแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 แต่กฎหมายลูกหรืออนุบัญญัติยังไม่ประกาศใช้ ทำให้หลายสำนักเรียน หลายโรงเรียนมีปัญหาในด้านงบประมาณ การบริหารจัดการ และความมั่นคงต่อชีวิต
**************************
Leave a Reply