มจร รับปริญญาวันแรกคึกคัก : ทูตพม่าถวายสมณศักดิ์อัครมหาบัณฑิตแด่ผู้บริหาร

            วันนี้ (12 ธ.ค.63) ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีพระนิสิตและนิสิตนานาชาติมากที่สุด มีการประสาทปริญญาประจำปี 2563 หลังจากเลื่อนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโนน่าหรือโควิด -19

            สำหรับการงานประสาทปริญญาวันแรกของมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งนี้ มีนิสิตและผู้ติดตามทยอยเดินทางมาจากวิทยาเขตทั่วประเทศหลายพันรูป/คนจับ  ผู้ติดตามบางคนบางกลุ่มพักอยู่ตามอาคารและนั่งตามร่มไม้ต่าง ๆ ภายในบริเวณมหาวิทยาลัย ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว

            สำหรับสถานที่จอดรถมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้ขอความร่วมมือให้นิสิตและผู้ติดตามจอดอยู่ด้านนอกและด้านใน ในพื้นที่ ๆ  ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ โดยมีรถรางพ่วงคอยบริการรับส่งถึงอาคารหอประชุมใหญ่ (มวก.) ซึ่งเป็นสถานที่ประสาทปริญญา

            เมื่อถึงเวลา 13.00 น. สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ได้รับบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราช ให้ปฎิบัติหน้าที่แทน ได้เดินทางถึงหอประชุม มวก. โดยมี คณะผู้บริหาร กรรมการสภามหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ แขกผู้มีเกียรติและบัณฑิต ถวายการต้อนรับ

           เนื่องจากเมื่อต้นปีผู้บริหารของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คือ พระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร,พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ รัฐบาลได้ถวายสมณศักดิ์ ในตำแหน่ง “อัครมหาบัณฑิต” ให้ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดจึงไม่สามารถเดินทางไปรับในประเทศเมียนมาได้

            วันนี้ก่อนจะทำพิธีประสาทปริญญา นาย  อู-มโย-มยินตาน (U Myo Myint Than) เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประจำประเทศไทย ปฎิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีกระทรวงศาสนาและวัฒนธรรมเมียนมา ได้ทำพิธีถวายตราตั้งอัครมหาบัณฑิตแด่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยทั้งสองรูป

            หลังจากประกอบพิธีถวายตราตั้งอัครมหาบัณฑิตจบเรียบร้อย พระราชปริยัติกวี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้กล่าวรายงานแด่สมเด็จพระวันรัตความตอนหนึ่งว่า

                      “มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 5 ได้ทรงสถาปนาขึ้น ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อปีพุทธศักราช 2530

            ปัจจุบันเปิดสอนระดับบัณฑิตศึกษา ปริญญาเอก 12 สาขาวิชา ระดับปริญญาโท 19 สาขาวิชา ระดับปริญญาตรี เปิดสอนใน 4 คณะ คือ คณะพุทธศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ มี 23 สาขาวิชา ระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตเปิดสอน 2 สขา คือ พระไตรปิฏกศึกษาและวิชาชีพครู ระดับมัธยมศึกษามี 2 แห่ง คือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและโรงเรียนบาลีศึกษา

            การบบริการวิชาการแก่สังคม เช่น อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สถาบันภาษา สถาบันวิปัสสนาธุระ มหาจุฬาอาศรม และศูนย์พัฒนาแคมป์สน จังหวัดเพชรบูรณ์

            มหาวิทยาลัยมีวิทยาเขต 11 แหง มีวิทยาลัยสงฆ์ 13 แห่ง มีสถาบันสมทบในต่างประเทศ 5 แห่ง ภายในประเทศ 1 แห่ง

            ในพิธีประสาทปริญญาในครั้งนี้สภามหาวิทยาลัยมีมิตอนุบัติผู้จบปริญญาทั้งระดับปริญญาเอก ปริญญาโท และตรีรวมทั้งสิ้น 4,254 รูป/คน..”

            หลังจากประสาทปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระวันรัต ได้ให้โอวาทแก่บัณฑิตใหม่ ตอนหนึ่งว่า

             “การที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้รอบรู้ จำเป็นต้องอาศัยคุณธรรมสำคัญที่เรียกว่า พาหุสัจจะ อันหมายถึงความเป็นผู้ได้สดับมาก การได้ศึกษาเล่าเรียนมาก การมีความรู้ประสบการณ์มาก เรียกบุคคลผู้มีภาวะอย่างนั้นว่า พหูสูต คือ ผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมามาก มีความรู้มาก คงแก่เรียน และเป็นนักปราชญ์ พาหุสัจจะ เกิดขึ้นเองไม่ได้ หากจำเป็นต้องอาศัยการศึกษา และการศึกษาที่ดีล้วนเกิดจากการศึกษา 4 แบบ คือ การศึกษาด้วยการฟัง การศึกษาด้วยการคิด การศึกษาด้วยการสอบถาม และการศึกษาด้วยการจดจำบันทึก

            ท่านทั้งหลายเมื่อจบออกไปแล้ว ขออย่าได้ประมาท อย่าละทิ้งหัวใจนักปราชญ์ทั้ง 4 ประการนี้ ซึ่งจะทำให้ท่านเป็นผู้มีปัญญา สามารถเอาชนะปัญหาและอุปสรรคทั้งปวงได้..”

            ซึ่งการประสาทปริญญาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยปีนี้ มีการป้องกันโควิด -19 อย่างเข้มข้น  มีการนั่งเว้นระยะห่าง ทำให้นิสิตล้นออกมาทั้งชั้นล่างและชั้นบน มีการตรวตราอย่างเข้มงวด ทั้งเครื่องสแกนวัดอุณภูมิ ,เจลล้างมือ,และผู้เข้ายังอาคารทุกท่านต้องใส่แมสทุกคนไม่เว้นแม้กระทั้งพระภิกษุหรือแขกผู้มีเกียรติ

            สำหรับวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันประสาทปริญญาวันสุดท้าย จะมี สมเด็จพระวันรัต และ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรรมการมหามหาเถรสมาคม จะเดินทางมาประกอบพิธีประสาทปริญญาแก่ผู้ได้รับดุษฎีกิตติมศักดิ์ เข็มเชิดชูเกียรติ และบัณฑิตคณะพุทธศาสตร์

               สำหรับ ผู้ได้รับดุษฎีกิตติมศักดิ์ เข็มเชิดชูเกียรติ มีผู้ชื่อเสียงทั้งมากมาย ทั้ง พระภิกษุ นักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการระดับสูงรับมอบ เช่น พระธรรมกิตติเมธี, พระไพศาลประชาทร วิ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,นายบุญเกียรติ โชควัฒนา,นายจิมมี่ ชวาลา,นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย,นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ดังนี้เป็นต้น

                                                       ——————————-

 

Leave a Reply