สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช “มอบวุฒิบัตรผู้สำเร็จพระธรรมทูตต่างประเทศ”

วันพฤหัสบดี ที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. ณ อาคาร มวก. ๔๘ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อยุธยา สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกโปรดมีพระบัญชาให้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือประธานกรรมการอบรมประชาชนกลาง (อ.ป.ก.) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหารปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชในพิธีปัจฉิมนิเทศ และมอบวุฒิบัตรโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๓๑ โดยมี พระพรหมเสนาบดี ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม  พระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ปฎิหน้าที่แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 รองประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศพระสิทธิวัชรบัณฑิต, รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๓๑  รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ พระผู้เข้าอบรมธรรมทูต  ธรรมทูตคฤหัสถ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถวายการต้อนรับ

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้ให้โอวาทตอนหนึ่งว่า มหาเถรสมาคม ให้ความสําคัญกับงานพระธรรมทูตโดยอนุมัติสนับสนุนให้พระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในนานาอารยประเทศ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่มหาชนในประเทศนั้น ๆ ตามพระพุทธประสงค์ และตามหลักของบูรพาจารย์
บัดนี้ ท่านทั้งหลายได้ชื่อว่าเป็น พระธรรมทูต และได้กล่าวคำปฏิญาณว่า จะปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูต อันอุดมด้วยกัลยาณเกียรติ นับเป็นการให้คำมั่นสัญญาที่มีคุณค่ามาก แต่การที่จะปฏิบัติตามคำปฏิญาณให้ได้จริงนั้นพระธรรมทูตต้องยึดมั่นในพระธรรมวินัย อันเป็นเครื่องกำกับควบคุม มีสมณสังวร เผยแผ่ธรรม สร้างศรัทธา เจริญศรัทธา และรักษาศรัทธาให้มั่นคงยิ่งขึ้น จักเป็นการนำความรู้ไปใช้ได้สำเร็จผลเป็นประโยชน์แท้โครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ นับว่าสมบูรณ์ครบถ้วนทุกด้าน ทั้งความรู้ อาจาระ ทักษะ ความสามารถ และประสบการณ์ ในโอกาสนี้

“ขอถวายกำลังใจ และแนวทางการปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตสายต่างประเทศนั้น พึงมีคุณสมบัติหลายอย่างที่สำคัญประการหนึ่ง คือ พึงมีสติรู้ตัว กับปัญญารู้คิด สติปัญญานี้ หากฝึกฝนสร้างเสริมให้เพิ่มพูนอยู่เสมอ ก็จะมีกำลังมากขึ้น เรียกว่า เป็นกำลังสติ และกำลังปัญญา ซึ่งกำลังทั้งสอง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นพลังเครื่องเกื้อกูลกัน กล่าวคือกำลังสติ เป็นพลังให้มีความยั้งคิด มีความรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วน ไม่ประมาท พลั้งเผลอ ส่วนกำลังปัญญา เป็นเครื่องช่วยพิจารณาหาแนวทางการปฏิบัติงาน และหาวิธีแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โดยมีกำลังสติคอยควบคุม ประคับประคอง ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามพระธรรมวินัย กฎหมาย และจารีต วัฒนธรรม ประเพณีพึงสังวรระวังอย่าให้ปัญญาเกินสติ จนสติหมดกำลังพึงเพิ่มพูนพัฒนาสติปัญญาของตน จนก่อเกิดเป็นกำลังอันกล้าแกร่ง ที่จะสามารถนำไปใช้ให้บังเกิดประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ขอให้ทุกท่าน ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทอย่าอยู่ปราศจากสติปัญญา ในการดำรงชีวิตและการปฏิบัติศาสนกิจในนานาอารยประเทศ ด้วยสุวิชา ใช้ความรู้ ความฉลาด ให้เต็มความสามารถ และยึดมั่นในคุณงามความดีโดยสุจริตเพราะความรู้ ความฉลาด ความสามารถ และคุณธรรมโดยสุจริตนั้น เป็นยอดแห่งความปรารถนาของทุกคน และเป็นเหตุแห่งความเจริญสุขสวัสดี ในที่ทุกสถานตลอดกาลทุกเมื่อ..”

ในขณะที่ พระเทพปวรเมธี ได้กล่าวรายงานว่าตอนหนึ่งว่า  โครงการอบรมพระธรรมทูตได้ดำเนินมาแล้ว 30 รุ่น ตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ผ่านการอบรมและไปปฎิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศแผยแผ่พระพทุธศาสนาอยู่ทั่วโลก รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,598 รูป ในปี 2568 นี้ มีการอบรมพระธรรมทูตเป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม ถึง 7 มิถุนายน 2568

“โดยปีนี้มีผู้เข้าอบรมทั้งสิ้น 124 รูป การดำเนินงานได้รับการส่งเสริมจากมหาเถรสมาคม สำนักงานกำกับดูและพระธรรมทูตไปต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรเครือข่ายพระธรรมทูตทั้งในประเทศและต่างประเทศ คณะกรรมการดำเนินงานโครงการ ได้อนุมัติผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรวุฒิบัตรพระธรรมทูตสายต่างประเทศรุ่นที่ 31 จำนวน 121 รุป พระธรรมทูตสมทบ 16 รูป รวมทั้งสิ้น 137 รุป และสภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนีบัตรพระธรรมทูตจำนวน 8 รูป/คน และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตรนานาชาติอีกจำนวน 6 รูป/คน..”

Leave a Reply