แกนนำยุวสงฆ์ปลดแอกผู้ลี้ภัย..โพสต์ยามลำบากเจอบุคคล 3 ประเภท

             หลังจากคณะปฎิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่หรือกลุ่มยุวสงฆ์ปลดแอกออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับคณะราษฎร โดยเรียกร้องให้การปฎิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ มีเรียกร้อง 2 ประเด็นหลัก คือ

1.เพื่อทุกศาสนา

   – แยกศาสนาออกจากรัฐ

   – หยุดใช้ศาสนาเป็นเครืองมือ “สร้างความแตกแยก”

   – หยุดใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ “โฆษณาชวนเชื่อ

2.เพื่อพุทธศาสนา

   – ปฎิรูปโครงสร้างอำนาจสงฆ์และร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ใหม่ให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัย

   – สิทธิพลเมืองของพระภิกษุ  -สามเณรตามวิถีประชาธิปไตย

       การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มยุวสงฆ์กลุ่มนี้ ปัจจุบันถูกกดดันหนักทั้งจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะสงฆ์ เช่น ถูกเรียกให้กลับมาวัดเดิมที่ตัวเองเคยสังกัด ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย อย่างเช่น พระปัญญา สีสัน อายุ 39 ปี แกนนำกลุ่มยุวสงฆ์ ซึ่งเคยขึ้นเวทีปราศรัยกับม็อบคณะราษฎรปัจจุบันมีข่าวว่ากำลังเตรียมลี้ภัย ได้โพสต์เฟชบุ๊คเมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า

      ตั้งแต่วันแรก ๆ ที่อาตมาถูกยัด 112 จำแลง ด้วย พ.ร.บ.คอม (5ปี × 6 = 30ปี) อาตมาปรึกษากับทุก ๆ คนที่อาตมาคิดว่า ท่านเหล่านั้นน่าจะให้คำปรึกษาแก่อาตมาได้

     กับ ส.ส.ก็คุย หลายท่าน

    กับครูบาอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็คุย หลายท่าน

    กับนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็คุย หลายท่าน

    กับผู้ลี้ภัยทางการเมือง ก็คุย หลายท่าน

      ทุกท่านก็มีน้ำใจกับอาตมา ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ บ้างก็ถามไถ่สารทุกข์ สุขดิบ “เป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ปลอดภัยแล้วใช่ไหม”

     “…อยู่ในวัด อาตมาไม่สามารถเล่าเรื่องที่ตนเองถูกกระทำได้ ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ให้ดูตัวอย่างที่เป็น พลทหาร ตำรวจชั้นผู้น้อย ข้าราชการตัวเล็ก ๆ ทำไมพวกเขาต้องปิดปากตัวเองทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นผู้ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     เมื่ออาตมามีความพร้อมระดับนึงที่จะบอกสังคมว่า อาตมาถูกระบบรัฐราชการรวมศูนย์กลั่นแกล้ง รังแก อาตมาก็ลงข้อมูลในเฟสตัวเอง ฝากโพสต์ไปทางกลุ่มต่าง ๆ แอ๊ดมินที่อยากช่วย เขาก็อนุมัติโพสต์ให้  รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง ก็ลงให้ตั้ง 3 โพสต์ ทั้งพระและโยมก็เมตตาช่วยกดไลค์ กดแชร์ ช่วยให้ความเห็น สำนักข่าวก็เมตตาเขียนข่าวให้

   จนกระทั่งวันนี้ อาตมาจำเป็นจะต้องใช้เงินก้อนนึง เพื่อให้มีชีวิตที่ปลอดภัยขึ้น ซึ่งก็มีโยม 3 ท่านเอ่ยวาจาปวารณา รวบรวมธารน้ำใจของสาธุชนผู้ไม่ทอดธุระในความอยุติธรรมของบ้านเมืองนี้แล้วมีกำลังทรัพย์ที่เหลือพอสำหรับการกระทำจาคะ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยที่ตนเองไม่เดือนร้อน..”

ภิกษุถูกฝึกมาโดยพระธรรมวินัย ถ้าโยมไม่เอ่ยปากปวารณาให้ขอจตุปัจจัย ภิกษุจะขอเป็นการเฉพาะเจาะจงไม่ได้

อาตมาจึงไม่เคยอินบอกซ์ไปบอกใคร ๆ ว่าอาตมาต้องการจตุปัจจัย อย่างนั้นอย่างนี้ เท่านั้น เท่านี้ เว้นไว้แต่โยมที่ปวารณาให้อาตมาเอ่ยปากขอได้ อาตมาจึงจะขอ

ครูโบว์ทราบเรื่องและเห็นเอกสารด้านคดีความของอาตมามาตั้งแต่ต้น แล้วครูโบว์ได้เอ่ยวาจาให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับอาตมา ตั้งแต่วันแรกที่ครูโบว์ทราบข่าวอีกด้วย

อาตมาขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุก ๆ ทุกท่านที่ร่วมกันกระทำจาคะมา ณ โอกาสนี้

ท่านที่ได้ยินได้ฟังเรื่องราวของการกระทำจาคะของเหล่าสาธุชน แล้วรู้สึกปลาบปลื้มใจ ปีติ ยินดี มีความสุข ก็ขอให้ท่านเหล่านั้นได้รับรู้ว่า แม้ท่านทั้งหลายก็เป็นผู้มีส่วนแห่งบุญในการกระทำจาคะของเหล่าสาธุชนในครั้งนี้ ตามพุทธพจน์ที่กล่าวไว้ดังนี้ว่า

           “ผู้มีปัญญารอบรู้และปราศจากความตระหนี่ ย่อมถวายทานตามกาลสมัยในพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ประพฤติตรงคงที่..”

เมื่อมีใจเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ทักษิณาย่อมมีผลอันไพบูลย์

          ชนทั้งหลายเหล่าใดร่วมอนุโมทนา หรือช่วยกระทำการขวนขวายในทานนี้ ทักษิณานั้นมิได้พร่องไปด้วยเหตุแห่งอนุโมทนานั้นเลย

แม้ชนผู้ร่วมอนุโมทนา ก็มีส่วนแห่งบุญด้วย

เพราะฉะนั้น เมื่อบุคคลไม่มีจิตท้อถอยในทาน  ทานนั้นย่อมมีผลมาก

บุญที่ทำแล้ว ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย  ในกาลข้างหน้าได้แล.”

 และล่าสุดวันนี้ได้โพสต์ว่า

          ยามลำบาก เราจะได้เห็นคน 3 แบบ ปรากฏกายขึ้นชัด 1) ช่วยเหลือ 2) มองดูเฉย ๆ 3) เหยียบย่ำซ้ำเติม…

********************************************

ภาพข้อมูล : เฟชบุ๊คPhra Panya Seesun (Bhikkhu Moss)

Leave a Reply