เช้าวันนี้ (๒ มี.ค.๖๔) นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้เล่าเรื่อง “วิถีแห่งนักสู้ (ตอนที่ ๒ )” ต่อจากเมื่อวานนี้ โดยวันนี้ได้เล่าระหว่างฟังคำตัดสินของศาล มีรายละเอียดดังนี้
ระหว่างนั้นก็มีบรรดาแกนนำ ซึ่งก็มีทั้ง สว. ส.ส. ท่านรัฐมนตรี และสหภาพนักวิชาการ รวมทั้งหมด ๓๙ คน ต่างทยอยกันเข้ามาในห้องพิจารณาคดีจนครบ
เมื่อถึงเวลาศาลท่านออกนั่งบัลลังก์อ่านคำตัดสินคดี เท่าที่พอจะจับประเด็นที่ศาลหยิบยกขึ้นมาประกอบคำตัดสิน ส่วนใหญ่แล้ว จะแน่นไปที่การก่อความวุ่นวาย การบุกรุกสถานที่ราชการ และการขัดขวางการเลือกตั้ง
เหล่านี้เป็นประเด็นหลักๆ ที่ศาลนำมาเป็นบทลงโทษ
เช่นกรณีของ พุทธะอิสระ ศาลท่านตัดสินให้รับโทษฐานละเมิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๖ , ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ และ มาตรา ๗๖,รวมทั้งถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี ตามมาตรา ๑๕๒
พุทธะอิสระ และจำเลยอื่น มีสิทธิ์อุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาของศาลอาญาได้ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันอ่านคำพิพากษา (อ่านคำพิพากษาวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔)
ขณะที่นั่งฟังคำตัดสิน สิ่งที่พอจะทำได้สำหรับตัวเองก็คือ สำรวม สังวร ระวัง ไม่ให้จิตนี้กระเพื่อมตามคำตัดสิน ด้วยการพิจารณาว่า โทษทัณฑ์เหล่านั้น เราสมควรจะได้รับแล้ว ด้วยเพราะเป็นสิ่งที่เราทำจริง
แม้บางเรื่องจะมีข้อโต้แย้งอยู่บ้าง แต่ก็ควรจะยอมรับด้วยความเคารพ เพราะนี่คือหลักการที่จะทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ ด้วยการยอมรับกติกา กฎเกณฑ์ ระหว่างที่ศาลสรุปคำพิพากษาตัดสิน
โดยเฉพาะในประเด็นของ พุทธะอิสระ
เราเฝ้าดูจิตว่า ยังสงบนิ่งอยู่หรือไม่หนอ หรือสะดุ้ง ผวา หวาดกลัว
ผลปรากฏว่า จิตนี้ยังสงบเย็นอยู่ เป็นปกติ เมื่อจบการตัดสินคดี เห็นบรรดาคุณทนายทั้งหลาย ก็กุลีกุจอจัดทำเรื่องขอประกันตัว เมื่อศาลลงจากบัลลังก์ไปแล้ว
ขณะนั้นก็มีบรรดามวลชนทั้งหลาย ต่างพากันทยอยเดินเข้ามา แสดงความเสียใจแก่บรรดาแกนนำแต่ละท่าน ยกเว้น พุทธะอิสระ เพราะเขาเห็นว่า เรานั่งหลับตาอยู่เฉย ๆ ด้วยเพราะกำลังแผ่เมตตาอยู่พอดี
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เมื่อเห็นว่า มวลชนเข้ามาในห้องมากขึ้น ก็คงจะเกรงว่า หากปล่อยไว้จะเกิดการสับสนวุ่นวาย จึงเรียกรวมตัวแกนนำทุกคน แล้วพาลงไปที่ห้องฟังคำพิพากษาชั้นล่างของศาล
พวกเราจึงได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง จึงได้เห็นอากัปกิริยาของแต่ละคน ที่เฝ้ารอคอยผลการขอประกันตัวอย่างกระวนกระวาย
ส่วน พุทธะอิสระ พอจะมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาบ้าง จึงคิดว่า ตื่นเต้นกระวนกระวายไป ก็จะเหนื่อยจิตไปเสียเปล่า เลยเฝ้าดูจิตตัวเองอย่าให้เสียสมดุล ความทุกข์เดือดร้อนจักได้ไม่เข้าครอบงำจิตนี้ได้
เวลาผ่านไปนานพอสมควร พวกเราจึงได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่า ศาลไม่ให้ประกันตัวแกนนำเวทีแปดคน นอกนั้นให้ประกันตัวหมด
ลุงกำนันจึงพูดเสียงดังว่า พวกเราไม่ได้ประกันตัวก็พอจะเข้าใจได้
แต่หลวงปู่ไม่ได้ประกันตัวด้วยนี่สิ จะไปขังท่านทำไม
ฉันจึงบอกไปดังๆ ว่า ดีแล้วกำนัน พวกเราจะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนกันหลายๆ คน ไม่เหงาดี…
********************
Leave a Reply