“สมเด็จธงชัย”ย้ำพระสงฆ์ต้องอยู่ใต้ “กฎหมาย-พระวินัย-จารีต”

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม 2564 สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธัมมธโช) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานมอบพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชแต่งตั้งเจ้าคณะภาค ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ประกอบด้วย พระเทพปริยัติมุนี (มีชัย วีรปญฺโญ) วัดหงส์รัตนาราม เป็นเจ้าคณะภาค 1 พระธรรมโพธิมงคล (สมควร ปิยสีโล) วัดนิมมานรดี เป็นเจ้าคณะภาค 2 พระพรหมกวี (ประกอบ ธมฺมเสฏฺโฐ) วัดกัลยาณมิตร เป็นเจ้าคณะภาค 3 พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต) วัดเทวราชกุญชร เป็นเจ้าคณะภาค 13 พระเทพศาสนาภิบาล (แย้ม กิตฺตินฺธโร) วัดไร่ขิง จ.นครปฐม เป็น เจ้าคณะภาค 14 และพระเทพสิทธิวิมล (ละเอียด สุทนฺโต) วัดคลองวาฬ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเจ้าคณะภาค 15 ที่วัดไตรมิตรฯ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีให้โอวาท ว่า ขอแสดงความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งกับทุกรูป ท่านทั้งหลายได้รับความไว้วางพระทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระองค์ทรงมีพระราชดำริ ให้แต่งตั้งท่านทั้ง 6 รูป ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาคในเขตการปกครองคณะสงฆ์หนกลาง เพื่อทำหน้าที่เป็นภารธุระของเจ้าคณะภาคในเขตปกครองคณะสงฆ์ในภาคนั้นๆ เพื่อปกครองสงฆ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีงาม รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา ส่งเสริมสนับสนุนการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์

สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กล่าวต่อไปว่า ขอฝากภารธุระหน้าที่แก่เจ้าคณะภาค ทั้ง 6 ภาค ในเขตการปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ดังนี้ 1. การปกครองคณะสงฆ์ ต้องควบคุม กำกับ ดูแล และเข้มงวดกวดขัน ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศและพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช อย่างเคร่งครัดมุ่งเน้นการสร้างความรักสสามัคคีในหมู่สงฆ์ รวมถึงความเคารพนอบน้อมกันและกัน

2.ควบคุม สนับสนุน ส่งเสริมการรักษาความเรียบร้อยดีงาม การศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์, ให้ดำเนินไปด้วยดี และขอให้มุ่งเน้นการส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษาสงฆ์แผนกธรรม-บาลีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสนองพระราชปุจฉาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญอย่างสูงสุด 3.แก้ไขข้อขัดข้องของคณะสงฆ์ของเจ้าคณะจังหวัดให้เป็นไปโดยชอบ 4.ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าคณะ เจ้าอาวาส พระภิกษุสามเณร โดยชี้แจงแนะนำให้ปฏิบัติหน้าที่และวางตนให้เหมาะกับสมณเพศ รักษาไว้ซึ่งศรัทธาที่งดงามตามหลักของพระพุทธศาสนา ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

5.หมั่นตรวจการและประชุมพระสังฆาธิการ โดยมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนและต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ขอฝากข้อคิดสำคัญให้ตระหนักซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงนิพนธ์ไว้ ความว่า ภิกษุสงฆ์ แม้มีพระวินัยเป็นกฎหมายสำหรับตัวอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว ก็ยังจะต้องอยู่ในใต้อำนาจแห่งกฎหมายฝ่ายอาณาจักรอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งตราไว้เฉพาะหรือเพื่อคนทั่วไป และยังคงอนุวัตจารีตของบ้านเมือง อันไม่ขัดต่อกฎหมายสองประเภทนั้นอีก สรุปความว่า ภิกษุสงฆ์มีกฎหมาย อันพึงฟังอยู่ 3 ประเภท คือ กฎหมายแผ่นดิน พระวินัย และจารีต

Leave a Reply