ฝันถึง “สมเด็จป๋า” วัดพระเชตุพนฯ

          ในฐานะ “คอลัมนิสต์” ศาสนา ในฐานะสื่อมวลชนที่เกาะติดสถานการณ์ของคณะสงฆ์มาต่อเนื่อง

          การเปลี่ยนแปลง “ครั้งประวัติศาสตร์” หน้าหนึ่งในวงการสงฆ์ เหตุเกิด ณ  วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ท่าเตียน วัดประจำรัชกาลที่ 1

          หากไม่เขียนถึงให้อนุชนรุ่นหลังได้อ่าน ได้ศึกษา มันก็จะขาดบันทึกการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์สำคัญของคณะสงฆ์ไป

       ซึ่งก็เป็นดังที่ผู้เขียนคาดการณ์ไว้ไม่ผิด หลังจาก “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” ย้ายมาจากวัดยานนาวา มาครองตำแหน่งวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อง “ผ้าสีจีวร” แน่

       เมื่อวานหลังจากติดตามสถานการณ์ตลอดทั้งวัน เช็คข่าวทั้งศิษย์เก่า ทั้งคนใกล้ชิดและทั้งพระภิกษุสงฆ์ภายในวัดโพธิ์ท่าเตียน เป็นไปดังคาด มีคำสั่งให้เปลี่ยนสีห่มจีวรจาก “สีเหลืองทอง” เป็น “สีราชนิยม” เรียบร้อย

      เหตุผลที่ผู้เขียนสนใจเรื่องการเปลี่ยนครองผ้าสีจีวรของวัดโพธิ์ท่าเตียน   เนื่องด้วยวัดโพธิ์ท่าเตียน เป็นวัดต้นแบบในการ “ห่มผ้าจีวรสีเหลืองทอง” ของคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดเบอร์หนึ่ง มาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ที่วงการคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ถือว่า เป็น “พี่ใหญ่” ตลอดมา

       อาจเป็นเพราะเมื่อวานเกาะติดและเฝ้าดูความเคลื่อนไหวการเปลี่ยนสีจีวรวัดโพธิ์ มาต่อเนื่อง อ่านประวัติวัดโพธิ์ด้วย หรือเปล่าไม่ทราบ…เมื่อคืน ดันฝัน ฝันว่า เข้ากราบนมัสการ  “สมเด็จป๋า”

      สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (ปุ่น ปุณฺณสิริ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และหากจำไม่ผิดน่าจะเป็นองค์สุดท้ายของคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ด้วยเพราะพระองค์ทรงมีพระเมตตาแก่คณะสงฆ์ภายใต้ปกครองของพระองค์ จนได้รับเรียกพระนามว่า “สมเด็จป๋า”

       ในความฝัน..สมเด็จป๋า หน้าตาไม่สดใสเท่าไร  ไม่รู้พระองค์ตรัสอะไร ท่านทำปากขมุบขมิบ..เหมือนจะบอกอะไรสักอย่าง 

      กำลังจะทูลถาม…พอดีลูกชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ ดันเอาตีนมาถีบมาก่ายหน้า  จึง “ตื่น” ก่อน เสียดาย..เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า พระองค์ในฐานะพระบุรพาจารย์ของวัดเบอร์หนึ่งแห่งนี้ “รู้สึก” อย่างไร เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย หรือพระองค์รู้สึก เฉย ๆ

     แต่!!..นับต่อจากนี้ไป วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สูญเสีย ความเป็น “พี่ใหญ่” และ “อัตลักษณ์”  ของ “คณะสงฆ์มหานิกาย” ในเรื่องการ “ห่มจีวรสีเหลืองทอง” ไปแล้ว

       นับจากนี้ไป วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้สูญเสียจารีตปฎิบัติที่ “พระบุรพาจารย์” ได้รักษา สืบสาน เรื่อง  “การห่มผ้าสีจีวรเหลืองทอง”  ไปสูญสิ้นแล้ว

      นับจากนี้ไป..เราอาจจะเห็น “อารยะขัดขืน” ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพราะเรื่องสีจีวรนี้น่าจะมี  “เสียงซุบซิบ” บ้างไม่มากก็น้อย

     และนับจากนี้ไป..จะมีเสียงกระซิบกระซาบ ทั้ง “ชื่นชมและติเตียน” ทั้งใน “ที่ลับและที่แจ้ง” เรื่องการเปลี่ยน “ผ้าสีจีวร”

    ต่อจากนี้ไป ในฐานะสื่อมวลชนจะติดตามบทบาท “สมเด็จพระมหาธีราจารย์”  สถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 1 อย่างใกล้ชิด

    ต่อจากนี้ไป จะติดตามบทบาท “สมเด็จพระมหาธีราจารย์”  อย่างใกล้ชิดว่าพระองค์จะก่อให้การเปลี่ยนแปลงสังคมสงฆ์ไปในทิศทางใด..

    ซึ่งครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยเขียนชื่นชมและยกย่องว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นพระมหาเถระที่ขยันขันแข็ง มีทีมงานที่ครบเครื่อง และพระองค์เป็นพระมหาเถระที่ “กล้าคิดนอกกรอบ”

   ทุกวันนี้ก็ยังเชื่อมั่นไม่เสื่อมคลาย..และทั้งจะดูอีกว่าจากนี้ไปพระองค์จะฝัน!!..ถึงฝั่งหรือไม่ ??

 

ข้อมุลภาพ..https://www.posttoday.com/
Phra Sithawatchamethi Phamonphon

 

Leave a Reply