“เจ้าคุณประสาร” โพสต์เศร้า “คืนแรกในชีวิตที่ไม่มีแม่” หลังโยมมารดาเสียชีวิตลงอย่างสงบ

วันที่ 13 เม.ย. 65  หลังจาก นางบุญ หนองพร้าว  ซึ่งเป็นโยมมารดาของ พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  (มจร)  ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่วานนี้ เวลา 20.35 น. ณ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด  ในวัย 82 ปี 5 เดือน ซึ่งการบำเพ็ญกุศลศพ จะจัดขึ้นที่วัดโคกก่อง บ้านโคกก่อง ต.โพนสูง อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 15-21 เม.ย. และจะประกอบพิธีขอพระราชทานเพลิงเป็นลำดับสืบต่อไป

วันนี้ พระเมธีธรรมาจารย์ ได้โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัว “คืนแรกในชีวิตที่ไม่มีแม่”  พร้อมกับยกพุทธศาสนสุภาษิต “วโย รตฺตินฺทิวกฺขโย” ความว่า

  เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นคืนแรกในชีวิตที่ไม่มีแม่ เราจำวัดในห้อง แม่กลับอยู่ในห้องดับจิต

  พระจันทร์ส่องกระจ่างเมื่อค่ำคืน พระอาทิตย์ทอแสงในยามเช้า พระในวัดประจำหมู่บ้านออกรับอาหารบิณฑบาตร แม่บุญ หนองพร้าว จะไม่ได้เห็นอีกแล้ว

  วัยเด็กเป็นสามเณร ไม่ว่าเราจะระหกระเหิรไปอยู่แห่งหนตำบลใด ไกลแค่ใหน อย่างไร ก็ยังมีแม่เฝ้ารอและห่วงใย

  วัยหนุ่มเป็นต้นมา มีหน้าที่การงาน มีภาระรับผิดชอบ จะไปศาสนกิจในต่างประเทศ ในแถบเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป หรืออเมริกา จะไประยะสั้น หรือไปนานแค่ใหน ก็ยังมีแม่อยู่ข้างตัว

   ช่วงวงวิกฤตทางความคิดและแนวปฎิบัติ คนจะบอกว่าพระลูกชายแม่บุญรูปนี้เป็นพระแกนนำ เป็นผู้นำ จนมีตำรวจ ทหารติดตามไม่เว้นแต่ละวัน รวมถึงไปที่บ้านแม่ด้วย ช่วงนั้นรูปภาพของแม่ พ่อ และคนในครอบครัวต้องปิดบังหมดออกสื่อไม่ได้ ให้สาธารณะเห็นไม่ได้ แต่แม่บุญ ก็ไม่หวั่นไหว สายตาที่ห่วงหาอาทร คำพูดที่ปลอบประโลมลูกในยามวิกฤต ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ

   แม่ป่วย เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปกติแม่จะไม่เหมือนคนอื่น สิ่งที่คนอื่นๆไม่รู้คือแม่จะระมัดระวังเรื่องอาหารการกินมาก  ระมัดระวังมาตั้งแต่เป็นสาว แม่จะไม่กินกบ กินเขียด ไม่ทานปลาเลี้ยง และอีกหลายๆอย่าง ช่วงป่วยคือมีอาการปวดท้อง ทัองเสีย ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น หมอวินิจฉัยว่าแม่เป็นมะเร็งในลำใส้ใหญ่ จึงยินยอมได้ทำการผ่าตัด และคีโมในอีก 6 เดือนถัดมาเดือนละสัแดาห์ แม่ดีขึ้นมาก กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติจนคิดว่าแม่หายขาดจากมะเร็งแล้ว แต่หมอก็ยังนัดตรวจซ้ำทุก 6 เดือนผลการตรวจก็ยังปกติทุกอย่าง

   ปี 2564 ทั้งปี โควิด-19 ระบาดมากแม่ได้ได้ฉีดวัคซีนในช่วงนั้นเลยไม่ได้ไปพบหมอตามนัด มาพบหมออีกทีต้นปีนี้ผลตรวจเลือด ปกติ แต่ผล X-RAY ปรากฎว่าเชื้อโรคร้ายนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วหมดแล้ว

   ปกติแล้วแม่จะไปพบหลายหมอ เช่นหมอหัวใจ เก๊าท์ และโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น แต่ระยะหลังแม่จะพูดเสมอว่า แม่ไม่ไปพบคุณหมอภาคภูมิ(หมอรักษามะเร็ง)แล้วนะเพราะแม่หายดีแล้ว

   ช่วงเวลาแห่งการรักษาแม่จากโรคภัยใข่เจ็บ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากแม่คือแม่สู้ แม่เป็นนักสู้ แม่ไม่เคยท้อถอยเลย หมอรักษายังออกปากขมแม่ในเรื่องนี้เลย เหลือเชื่อจริงๆ ลูกๆทุกคนก็ไม่คิดว่าแม่จะสู้ขนาดนี้

   ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่แม่ยังไม่ป่วย จนวัยชราที่ป่วยอืดๆออดๆจนถึงป่วยครั้งใหญ่ในชีวิตแม่ อาตมาคิดตลอดเวลาว่าจะดูแลแม่ พ่ออย่างไรให้ดีที่สุด เราเป็นครอบครัวชาวนา ครอบครัวใหญ่และยากจน ไม่ได้สร้างบ้านให้แม่ ไม่ได้ซื้อที่ดิน ที่นาให้ จึงคิดอยู่เสมอว่า จะดูแลรักษาอย่างไรให้ได้ดีทั้งทางกายและทางใจดังนั้นในเรื่องหนึ่งที่อาตมาให้ความสำคัญคือการอุทิศเวลาให้แม่ พ่อ เรามีเวลาให้คนอื่นมากมายก่ายกองแล้วทำไมเราจะให้เวลากับบุพการีของเราไม่ได้ นี่ถือเป็นยาใจที่สำคัญยิ่ง

  วันสุดท้ายในชีวิตแม่ พระลูกชายได้เดินทางมาก่อนตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน แล้วและคิดว่าตลอดวันหยุดสงกรานต์จะอยู่กับแม่ยาวหน่อย วันนั้นแม่ท้องเสีย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง วันที่ 8 เม.ย. บ่ายไปซื้อรถมอเตอร์ไขค์ไฟฟ้าสำหรับคนแก่ให้พ่อ ที่ตัวเมืองร้อยเอ็ด เย็นไปทำบุญงานพี่สาวพระครูอุ้ย ที่อำเภอโพธิ์ชัย แล้วกลางคืนรีบเข้าไปหาแม่ ที่บ้าน คุยกับแม่ จับเท้าแม่ โอบแม่ เพราะรู้สึกว่าแม่อ่อนแรงลงไปมาก พ่อสา มานั่งข้างเตียง ถามอาการแม่ ด้วยความห่วงใย ลูกหลาน เหลน มาเต็มบ้าน คืนนั้นได้บอกกับแม่ว่ามีงานสำคัญของ มจร เดิมที่คิดว่าจะอยู่จนถึงวันหยุดสงกรานต์นั้นไม่ได้แล้วจะต้องรีบกลับและจะรีบกลับมาอีกครั้งวันที่ 12 เม.ย. นี้

    แม่รับทราบและยังบอกว่าเดินทางไปดีมาดีลูก

     12 เมษายน เช้าประชุมกับผู้หลักผู้ใหญ่เรื่องวิทยาลัยบาลีเถรวาท ของวิทยาเขตบาฬีพุทธโฆส นครปฐม ระหว่างประชุมกับผู้ใหญ่ฝ่ายนั้น คณะได้นำแม่เข้ารักษาโรงพยาบาลปทุมรัตต์ โดยด่วน และต้องตัดสินใจว่า จะให้ใส่ท่อไหม จะอะไรไหม โทรศัพท์ก็เข้าตลอดเวลา ไม่รับก็ไม่ได้

    ประชุมเสร็จ เพลเสร็จรีบเดินทางกลับ แต่เที่ยวเดินทางก็ได้เที่ยว 17.45 น. คณะได้ประสานงานนำแม่มาที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ทุกคนถามว่า จะให้ปั๊มหัวใจใหม จะให้ช๊อตไฟฟ้าใหม ได้แต่บอกว่าอยากให้แม่รอพระลูกชายไปถึงเสียก่อน แม่อย่าพึ่งหนีไปก่อน

    เวลาช่างเดินช้าเหลือเกิน เดินทางไปถึงโรงพยาบาลร้อยเอ็ดเกือบจะทุ่มแล้ว ญาติพี่น้องรออยู่หน้าห้อง CCU ทุกคนบอกว่า “แม่รออยู่”รีบเข้าไปหาแม่ ยืนอยู่ข้างเตียงแม่ จับมือแม่ อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นยากจะอธิบาย พยาบาลเดินมาถามว่า จะให้ยื้อยายใหม ตัดสินใจว่า “ไม่” เพราะไม่อยากให้แม่ทรมาน เขาจึงเอาเอกสารมาให้ลงนามรับรอง

    ออกไปหน้าห้องพูดกับพี่น้อง หลานเหลน ทุกคนร้องให้น้ำตานองหน้า

   บอกให้ทุกคนกลับบ้านก่อน เกรงใจเจ้าหน้าที่เขา เพราะครอบครัวเรามาเยอะเนื่องจากสถานการณ์โควิดทางพยาบาลแจ้งว่าจะโทรบอก น่าจะไม่เกินคืนนี้หรือพรุ่งนี้เข้า ฟังแล้วสะเทือนใจ

   กลับเข้าไปหาแม่อีกครั้ง ดูแลแม่อยู่ข้างเตียงด้านซ้าย ใช้มือปิดตาแม่ ลูบผมแม่ ใช้ชายจีวรเช็ดหน้าแม่ เช็ดตาแม่ บอกลาแม่ บอกลาข้างหูแม่ ลาชั่วนิรันดร์แม่บุญ หนองพร้าว

 วโย รตฺตินฺทิวกฺขโย วัยสิ้นไปตามคืนและวัน

  หมายเหตุ : ขอบคุณในน้ำใจทุกทุกคน ตั้งแต่หมอ พยาบาล พี่น้อง หลาน เหลน โหลน มจร ทุกภาคส่วน ญาติมิตรสหาย ผู้เกี่ยวข้องทุกคน

Leave a Reply