“สมเด็จพระพุฒาจารย์”เริ่มแล้ว! ปลูกฟ้าทะลายโจร 10,000 ต้น เขาแม่ชีโคราช

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 ที่โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย ดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ สภาผู้แทนราษฎร และนายกสมาคมการบินนภารักษ์ ได้จัดเตรียมต้นกล้าฟ้าทะลายโจร ที่จะนำไปปลูกที่เขาแม่ชี จ.นครราชสีมา ได้นำมาถวายต้นกล้ากับสมเด็จพระพุฒาจารย์ โดยมีพระสุวรรณมหาพุทธาภิบาล (เจ้าคุณโฮ้) จำนวนเริ่มต้น 500 ต้น ซึ่งต้นกล้าทั้งหมดจำนวน 10,000 ต้น พระสุธีวราภรณ์ (ยุวชน เขมปญฺโญ ป.ธ.6) . เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท จะเป็นผู้นำมาถวายสมเด็จพระพุฒาจารย์ 5,000 ต้น  และสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี จำนวน 5,000 ต้น ซึ่งโครงการนี้นอกจากจะเป็นการเพาะต้นกล้าฟ้าทะลายโจรเพื่อมอบกับวัดและประชาชนแล้ว จะนำต้นฟ้าทะลายโจรที่โตแล้วนำมาผลิตเป็นยาเม็ดเพื่อแจกจ่ายให้กับพระและประชาชนผู้ที่ติดเชื้อโควิดต่อไป

พระสุวรรณมหาพุทธาภิบาล กล่าวว่า โครงการปลูกฟ้าทะลายโจรน่าจะเป็นวาระระดับชาติ จากประวัติศาสตร์เช่นในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงให้รวบรวมและจารึกตำรายาและฤาษีดัดตน ตำรานวดแผนไทยไว้ตามศาลาราย มีการจัดตั้งกรมหมอโรงพระโอสถ ผู้รับราชการเรียกว่า “หมอหลวง” ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ อีกทั้งในสมัยรัชกาลที่ 2 ทรงให้รวบรวมคัมภีร์แพทย์ที่กระจัดกระจายมารวบรวมไว้ ณ โรงพระโอสถ และให้กรมหมอหลวงคัดเลือกจดเป็นตำราหลวง สำหรับโรงพระโอสถเพื่อประโยชน์ของประชาชน ในปีพ.ศ. 2359 มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตรากฎหมาย ชื่อ “กฎหมายพนักงานพระโอสถถวาย” และในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระยาบำเรอราชแพทย์ ที่เป็นแพทย์ประจำราชสำนัก เป็นแม่กองจัดประชุมหมอหลวงแต่งตำราและบันทึกตำรายาแผนโบราณต่างๆ พร้อมทั้งได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชโอรสาราม และจารึกตำราไว้ในแผ่นศิลา ตามเสาระเบียงพระวิหาร รวมทั้งทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมมังคลาราม (วัดโพธิ์) อีกครั้ง ให้จารึกตำรายาไว้บนหินอ่อนประดับไว้ตามผนังโบสถ์ ศาลาราย

พระสุวรรณมหาพุทธาภิบาล กล่าวต่อไปอีกว่า การที่เรานำสมุนไพรเช่นฟ้าทะลายโจรที่เป็นยาพื้นบ้านของเราอยู่แล้วและสามารถปลูกง่ายขึ้นได้ทุกที่ที่เป็นประเทศไทย เราควรจะปลูกให้มากเพราะเหมือนเป็นตู้ยาข้างบ้านพร้อมจะรักษาโรคให้ผู้ป่วยโควิด19 ได้ทันทีเมื่อมีอาการ และมีผลงานวิจัยที่ชัดเจนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีผลยืนยันที่ชัดเจนที่บางครั้งอาจไม่ใช่งานวิจัยแต่เป็นที่ประจักษ์ชัดเช่นผู้ป่วยในห้องขัง ก็หายป่วยเพราะฟ้าทะลายโจรเป็นต้น ขณะที่เราต้องรอวัคซีนจากต่างประเทศ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาฉีดให้ครบไปอีก 1-2 ปี หากเราหนุนฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรต่างๆ สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายป่วย เขาก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีไม่แพ้กับการได้วัคซีน ซึ่งหากมองเปรียบเทียบยอดผู้ติดเชื้อกับผู้หายป่วย เริ่มใกล้เคียงกันมากขึ้น ในขณะที่สมุนไพรขาดตลาด สิ่งนี้แสดงให้เห็นผลของฟ้าทะลายโจรว่า อาจมีส่วนที่สำคัญในการรักษาผู้ป่วยโควิด19 ได้ หากประเทศเรามุ่งที่วิจัยพัฒนาและปลูกฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรอื่นให้มาก สิ่งนี้จะทำให้ผู้ป่วยที่ป่วยระดับสีเขียวไม่ต้องไปเป็นสีเหลืองและแดง อีกทั้งทำให้เขารอดจากความตาย อีกทั้งเราจะประหยัดงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายทั้งยาและวัคซีนจากต่างประเทศอีกมาก เราอาจใช้เงินส่วนนี้มาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อีกทาง สิ่งนี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก

Leave a Reply