เมื่อ!! ไพร่การเมือง?? ลามเข้าสู่  “สังคมสงฆ์”

         ปรากฎการณ์ 2 มหาที่สื่อเรียกวา “ 2 พส” ได้สร้างความตื่นตัวให้กับสังคมไทยเราพอสมควร โดยเฉพาะฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” กับ “ฝ่ายเสรีนิยม” ในขณะที่หลายปีมานี้สังคมไทยผุดขึ้นมาอีกฝ่ายคือ “ฝ่ายอคตินิยม” ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนั้นก็คือ ฝ่าย “ไพร่การเมือง” นั่นเอง

         คนกลุ่มที่ได้ชื่อว่า “ไพร่การเมือง” กลุ่มนี้ไม่ได้มองว่า “ใครถูกหรือผิด” แต่หากไม่ใช่พวกของกู “ผิดหมด” 

        คนเหล่านี้เป็นคนสุดโต่งแฝงตัวอยู่ทั้งในกลุ่มเหลือง กลุ่มแดง และฝ่ายที่ถูกตั้งฉายาว่า “สามกีบ” คนเหล่านี้มักเชียร์นักการเมือง พรรคการเมืองหรือมองฝ่ายตรงข้าม ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแบบ “สุดขั้ว

         พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต และ พระมหาไพรวัลย์  วรวณฺโณ  แม้จะมีคนมองว่า พูดจาออกสื่อสาธารณะหัวเราะเหมือนคน “เมากัญชา” หรือจับประเด็นทางสังคม การเมืองมาล้อเลียนบ้าง แต่นั้นคือ “คาแรคเตอร์” ที่ท่านเป็นและสื่อสารกับประชาชน

         หากไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ก็เป็นอย่างที่ท่านบอก ให้ไปฟัง “เทศน์งานศพ” หรือไม่ก็ไปนั่งฟังพระกรรมฐานท่านสอน

       ที่พูดมาทั้งหมด มิใช่เห็นด้วยกับพฤติกรรมทุกเรื่องของ “2พส.” บางเรื่องบรรดาพวกประโยค 9 พวกมหาเปรียญ ก็ทำเรื่อง  “โง่โง่เป็น”  ยิ่งเมื่อ เจอแสงและเงิน”  เข้ามาพัวพัน อย่าว่าแต่พระภิกษุแบบสองมหานี่เลย “พระราชาคณะ”  ก็ไม่เว้น

         แต่เมื่อช่างน้ำหนักแล้ว การออกมาไลฟ์สดของ 2 พส. จากการดูและฟัง มีประโยชน์และคุณต่อพระพุทธศาสนามากกว่าโทษ “ชาวบ้านเลี้ยงไม่เสียเข้าสุก” ว่างั้นเถอะ

         และคนที่วิจารณ์ส่วนใหญ่ล้วนคนคิดต่างเรื่อง “การเมือง” มิใช่ประเด็น “หลักศาสนา”

 การดิ้นของบรรดา “ไพร่การเมือง” ทั้งหลายที่ไม่ชอบทั้ง 2 พส. บางคนพยายามโยงต้อนท่านเข้าสู่ “มุมการเมือง” เพื่อจะได้เชือดง่าย หรือบางคราก็มี “ไพร่การเมือง” ทั้งหลาย พยายาม “ดึงท่าน” มาเป็นพวก อันนี้ทั้ง 2 พส. ก็ต้องระมัดระวัง รวมทั้งเรื่องขอรับบริจาคต่าง ๆ

        หรือแม้กระทั้งมีนักวิชาการ นักการเมือง และบุคคลสาธารณะบางคน พยามต้อนท่านให้จนมุมตรงที่ “ไม่จงรักภักดี” เพราะไม่พูดปกป้องสถาบัน

    “เปรียญสิบ” เคยเขียนหลายรอบแล้วเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับสถาบันสงฆ์ พวกเราคนบวชเรียน จงรักภักดี เชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งกว่า นักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการหรือแม้กระทั้งทหารที่จบ จปร. มีเงินเดือนกิน มีความก้าวหน้าทางตำแหน่งการงานมากนัก  บางคราวก็อดคิดไม่ได้ว่า “คนบางคน” พูดเพื่อให้ตนเอง ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ใช่หรือไม่??

       พวกเราชาววัด ทั้งถูกสอนและบอกชาวบ้านว่าพระมหากษัตริย์คือ “พระโพธิสัตว์” หรือ “สมมติเทพ” ด้วยซ้ำไป พระภิกษุสงฆ์ส่วนใหญ่พวกเราถูกสอนและถูกทำให้เชื่อมาแบบนี้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีใครบังคับ เรื่องแบบนี้คนเติบโตมาในวัดส่วนใหญ่ ย้ำส่วนใหญ่ “รับรู้ได้”  ส่วนคนที่มา “ขออาศัยกินข้าววัด” บางรายอาจไม่ซาบซึ้ง

      พระสงฆ์เมืองไทยมีหลายประเภท ประชาชนคนไทยศรัทธาประเภทไหนก็ ทะนุบำรุงประเภทนั้นเช่นพระป่าสายกรรมฐาน,พระนักวิชาการ,พระสายNGO,พระเรียนหรือแม้กระทั้งพระตามชนบทที่อยู่ตามวัดวาอารามต่าง ๆ

       ยุคนี้บรรดากลุ่มคนที่ได้ชื่อว่า “ไพร่การเมือง” ซึ่งก็คือ พวกกองเชียร์นักการเมือง พรรคการเมือง มองปรากฎการณ์ทุกอย่างที่ไม่ได้เกิดจากสิ่งที่พรรคพวกตนเองทำ หรือสิ่งที่ตนเองศรัทธา โดยมากล้วนใช้ “อคติ” ทางอารมณ์เป็นที่ตั้ง โดยไม่ศึกษาหาข้อมูลให้ครบถ้วนสมบูรณ์หรือมองด้วย เหตุและผล”  ยึดทาง “สายกลาง” ดั่งคำสอนของพระสมณโคดม

      ชาวพุทธบางคนก็ “แสดงความโง่” แค่พระหัวเราะเสียดัง ก็จะจับ  “พระสึก”  เสียแล้ว??

…………………..

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ” : [email protected]

Leave a Reply