สงสาร “สมเด็จชิน”

          เมื่อวานนี้ช๊อควงการคณะสงฆ์ น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทย ที่มีการปลด “เจ้าคณะจังหวัด” รวดเดียว 3 รูป โดยที่กรรมการมหาเถรสมาคมบางรูปก็คาดว่า “ไม่รู้ และไม่รู้”

       โดยเฉพาะสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ หรือ “สมเด็จชิน” คงนอน “กลืนเลือด” ตอนได้รับหนังสือเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เพราะ “พระธรรมรัตนาภรณ์” อดีตเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี คือ “มือขวา” ของท่านในการขับเคลื่อนโครงการ  “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข”

       ไม่มี “พระธรรมรัตนาภรณ์” โครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข”  เดี้ยง  “ไม่อัมพฤกษ์ ก็ อัมพาต”

        นับตั้งแต่เว็บไซต์ข่าวศาสนา thebuddh” ได้ตั้งฉายาให้สมเด็จชินว่า “สังฆราชน้อย” โดยประมวลจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เล่าลือกันในวงการชาวพุทธ ทั้ง??

        วาทะกรรม   “สามพรหมก็ไม่สามารถสู้หนึ่งพรหมได้” กรณีแต่งตั้ง  “พระสังฆราช”

       หรือแม้กระทั้ง “กรณีจับกุมอดีตพระมหาเถระ” คดีเงินทอนวัด ที่หลายฝ่ายเชื่อกันว่า “สมเด็จชิน” ผู้ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร ในฐานะ “เลขานุการสังฆราช” ต้องรับรู้ก่อนหน้ามาบ้าง ไม่มากก็น้อย

       และหลากหลายเหตุการณ์ฉายา “สังฆราชน้อย” รูปนี้ได้จากคำกล่าวขานที่ว่า  “ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้”

      แต่หลังเว็บไซต์ข่าวศาสนา thebuddh” ตั้งฉายา “สังฆราชน้อย”  สัญญาณทิศทางอำนาจกิจการคณะสงฆ์ เปลี่ยน??

         สัญญาณแรก มีการส่งคนไปเจรจาให้สมเด็จพระวันรัต หรือ “สมเด็จจุนท์” รับเป็น “ประธานผู้กรั่นกรองงานสมเด็จพระสังฆราช” พร้อมกับแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมร่วมทีม อีก 4 รูป

        สัญญาณสอง พระราชมงคลดิลก” หรือ เจ้าคุณประกอบ ซึ่งถือว่าเป็น “แม่บ้าน” มือทำงานให้กับสมเด็จชิน “ลาสิกขา”  โดยอ้าง ปัญหาเรื่องสุขภาพ ท่ามกลางข่าวซุบซิบนินทาไปต่าง ๆ นา ๆ  ว่า  “ตัดไฟแต่ต้นลม” ซึ่งใช่หรือไม่ใช่ ไม่มีใครรู้ นอกจาก  “เจ้าคุณประกอบ”

        สัญญาณสาม  เมื่อวานมหาเถรสมาคมปลด “พระธรรมรัตนาภรณ์” มือขวาของท่านออกจากตำแหน่ง “เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี”

         ในวงการคณะสงฆ์รู้กันทั่วไปว่า พระธรรมรัตนาภรณ์ คือ “มือประสานสิบทิศ” ให้งาน โครงการ วัด ประชารัฐ สร้างสุข ขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่น

         ไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในวงการคณะสงฆ์ เพราะที่ผ่านมาท่านสนองงานกิจการคณะสงฆ์มา “ดีมาก” รูปหนึ่งเท่าที่คณะสงฆ์พึงมี หวังเหตุการณ์ “คงไม่ลามไปมากกว่านี้” จบอยู่แค่ “เจ้าคณะจังหวัด”

        “ผู้เขียน” พบ “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ครั้งแรก ณ สนามบินจังหวัดน่าน  “สมเด็จชิน” ชำเลืองมองผู้เขียนแวบหนึ่ง สังเกตแววตาของท่านอ่อนโยนและเศร้า แฝงไปด้วยเมตตา ซ้ำตอนเข้าประตูตรวจผู้โดยสาร “สมเด็จชิน” ให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นปกติ โดยท่านถือ “พัดสมณศักดิ์” อยู่ในตัวของท่านเอง  ดูวัตรปฎิบัติ สมถะ เรียบง่าย ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง พระมหาเถระรูปนี้ไม่เป็นไปตามที่วงการสงฆ์ “ซุบซิบนินทา”

         ซ้ำเคยได้ทราบวัตรปฎิบัติของท่านจาก “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ”  ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ “ไวยาวัจกรของวัดราชบพิตร” จากคำบอกว่าถึง “ความเมตตา” และทำงานรับใช้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา

         ตั้งแต่นั้นมา “ผู้เขียน” มีทัศนคติที่ดีต่อ “พระมหาเถระรูปนี้” และ ไม่เคยเขียนถึงท่านในฐานะ  “สังฆราชน้อย”  อีกเลย เพราะ “ข้อมูล” อาจได้รับมา  “ไม่ครบถ้วน”

  เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ เหมือนมีคนต้องการบันทอนอำนาจและบทบาทท่าน

  หรือเป็นดั่งคำร่ำลือว่า  “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”

  กรณีเมื่อวานนี้พระภิกษุสงฆ์บางรูปที่มีอำนาจตอนนี้..จงพึงสังวรเอาไว้ว่า ที่พึ่งอันประเสริฐของพระภิกษุนอกจาก “พระธรรมวินัย”  ที่เป็นตัวแทนของ “พระสมณโคดม”  แล้วไม่มีอะไรที่ “จิรังยั่งยืน”

Leave a Reply