ปลัดมหาดไทย เผย  “จังหวัดสิงห์บุรี”  อุดคันดินชำรุดท่วมทุ่งเชียงราก อ.อินทร์บุรี เรียบร้อยและสามารถระบายน้ำที่ท่วมขังจนแห้งแล้ว

 วันที่ 24 ต.ค. 64  เมื่อเวลา 18:30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดกรณีถนนคันดินที่อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีชำรุด ทำให้มีมวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลักเข้าท่วมทุ่งเชียงราก ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดย นายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสิงห์บุรี บูรณาการร่วมกับอำเภออินทร์บุรี และสำนักงานชลประทานที่ 10 เร่งนำกระสอบทรายขนาดใหญ่ (ถุง BIGBAG) อุดจุดถนนคันดินที่น้ำเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ทุ่งเชียงรากและชุมชนใกล้เคียง ซึ่งในขณะนี้ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีว่าสามารถอุดจุดที่น้ำเข้าได้และเสริมความแข็งแรงเรียบร้อยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้รับรายงาน ว่า พื้นที่น้ำท่วมจากกรณีพนังกั้นน้ำเจ้าพระยาชั่วคราวรั่ว ที่บริเวณหมู่ 4 อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ขณะนี้น้ำในแต่ละซอยแห้งแล้ว และบ้านเรือนพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่น้ำแห้งแล้วเช่นเดียวกัน คงเหลือแต่เพียงบริเวณจุดใกล้พนังกั้นน้ำที่ลึกซึ่งไม่สามารถเร่งสูบน้ำได้ เนื่องจากหากเร่งสูบน้ำเพื่อให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็วในปริมาณที่ต่างกันมาก อาจทำให้พนังชั่วคราวที่กั้นน้ำจะทนแรงน้ำภายนอกไม่ได้ ส่งผลให้เกิดการพังทลายสร้างความเสียหายอีกครั้ง ตนจึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี นายอำเภออินทร์บุรี ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบายน้ำในบริเวณดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักวิชาการและเร่งบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขได้โดยเร็ว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทย โดย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ติดตามการดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอื่นๆอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ และเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และโรงเลี้ยงประกอบอาหาร ตลอดจนแจกจ่ายถุงยังชีพตามวงรอบที่กำหนด และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ให้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและเยียวยาประชาชนตามระเบียบของทางราชการต่อไป ทั้งนี้ ถาหากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 หรือ สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่สามารถเร่งเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

 

 

Leave a Reply