รมต.อนุชา ติดตามงาน พศจ. ทั่วประเทศ หลังกำชับทำงานเชิงรุก เชื่อมั่น 1-3 เดือนเห็นผลชัดเจน ย้ำเร่งสร้างเครือข่าย สอดส่อง ดูแล ลบล้างความเสื่อมเสียทางพระพุทธศาสนา
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อติดตามการดำเนินงานภายหลังจากที่มอบนโยบายให้สำนักงานเร่งดำเนินงานเชิงรุก จากกรณีที่มีการนําเสนอข่าวพระพุทธศาสนาเชิงลบผ่านสื่อช่องทางต่างๆ โดยมี นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายสิปป์บวร แก้วงาม ที่ปรึกษาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้าร่วม
ภายหลังการประชุมฯ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้มีการเผยแพร่ข่าวสร้างความเสื่อมเสียทางพระพุทธศาสนา ทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโซเชียลมีเดียมีการแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางเรื่องไม่เป็นความจริง และบางเรื่องยังไม่ได้รับการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้อง ส่งผลให้ความศรัทธาของชาวพุทธถดถอย และไม่เป็นที่ยอมรับดังอดีต โดยได้เน้นย้ำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศเร่งติดตามและตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีข่าวฉาวสร้างความเสื่อมเสีย โดยให้มีการประสานเครือข่ายที่มีความใกล้ชิดชุมชน เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เพราะคนกลุ่มนี้มีความใกล้ชิดประชาชนและมีข้อมูลจริงของพื้นที่ พร้อมกับให้ตั้งวอร์รูม ในสำนักพระพุทธฯ และให้ พศจ. รายงานผลทุกวัน ในส่วนจังหวัดให้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง และให้รายงานผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
ด้าน นานอินทพร ได้รายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้นำประเด็นนี้ถวายรายงานที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยที่ประชุมได้รับทราบและจะติดตามดูแลพฤติกรรมของคณะสงฆ์อย่างใกล้ชิด ด้านการประสานงานเครือข่าย ได้หารือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเพื่อบูรณาการการดำเนินงานและติดตามตรวจสอบกรณีที่สร้างความเสื่อมเสียในทางพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังได้เตรียมตั้งคณะกรรมการและจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อติดตามและสอดส่องกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำหรับกรณีพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ไม่สำรวม หากเกิดในพื้นที่ใดทาง พศจ. จะเร่งนำเรื่องนี้หารือเจ้าคณะปกครองพื้นที่ตามลำดับชั้น และจะสนับสนุนการดำเนินงานเจ้าคณะผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด
“สำนักพุทธฯ จะต้องปรับรูปแบบการทำงานให้เป็นองค์กรที่ตอบสนองต่อการปกป้องและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเชิงรุก โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ดีงาม เพื่อดึงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและประชาชนชาวไทยกลับมาเชื่อมั่นในความดีงามของพระพุทธศาสนาอีกครั้ง ศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักของชาติ เราทุกคนต้องปกป้องมิให้สิ่งใดมาสร้างความเสื่อมเสียและทำร้าย ในส่วนที่ไม่ดี ต้องมีการตรวจสอบและลบล้างออกไป เช่น พระสงฆ์ที่ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ขอให้ พศจ. เร่งประสานพืันที่และรายงานมายังส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ดีต้องทำนุบำรุงไว้เพื่อให้รุ่นลูกหลานได้สืบทอดความดีงามนี้ไว้ต่อไป หากปฏิบัติต่อเนื่องเช่นนี้ คาดว่าภายใน 1-3 เดือนนี้ การดำเนินงานเชิงรุกของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำ
Leave a Reply