วันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ ทำเทียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช) โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายทรงศักดิ์ทองศรี รมช.กระทรวงมหาดไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.กระทรวงการคลัง ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.รวีวรรณ ภูมิเดช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ผู้บริหารกระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ซึ่งระเบียบวาระการประชุมมีหลายวาระด้วยกันเช่น การพิจาณาการจำแนกที่ดินจังหวัดเพชรบุรี ขั้นตอนและกระบวนการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปไฟฟ้า ประปา และการพิสูจน์การครอบครองที่ดินของบุคคล รวมทั้งขอให้ที่ประชุมพิจารณาร่าง มาตรการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เรื่อง การพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ สำหรับหัวข้อนี้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ถกเถียงและเสนอแนะอย่างกว้างขวาง อาทิ บางวัดครอบครองที่ดินวัดนับพันไร่ เกินความจำเป็นหรือไม่ หรือ เป็นห่วงมาตรฐานการพิสูจน์สิทธิเป็นไปด้วยหลักวิทยาศาสตร์หรือไม่
ดร.รวีวรรณ ภูมิเดช ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ได้กล่าวชี้แจงว่า ร่างนี้ได้ผ่านการถกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายรอบ และขอให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ รวมทั้งผู้เข้าร่วมประชุม โปรดวางใจ การดำเนินการพิสูจน์สิทธิในร่างนี้มีหลายมาตรการด้วยกัน ทั้งวัดต้องมีเอกสารรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีเอกหลักฐานรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ประกาศโบราณสถานของวัดที่ออกโดยกรมศิลป์ ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา หลักการได้รับวิสุงคามสีมา จดหมายเหตุ หรือพงศาวดาร เป็นต้น
ด้าน ดร.นิยม เวชกามา ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า สำหรับวัดในประเทศไทยที่มีปัญหาที่ดินซึ่งอยู่ในเขตที่ดินของรัฐมีทั่วประเทศนับหมื่นวัด ร่างนี้มีประโยชน์สำหรับพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ปัจจุบันนี้หลายพันวัดแม้สร้างโบสถ์เสร็จแล้ว ก็ยังประกอบสังฆกรรมไม่ได้ เพราะยังไม่ได้พระราชทานวิสุงคามสีมา เนื่องจากมีปัญหาที่ดิน บางวัดมีปัญหาทับซ้อนกับที่ดินของรัฐ
“อย่างวัดดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ใครจะคิดว่าจะมีปัญหาที่ดิน ทุกวันนี้อุทยานก็ยังไม่ออกโฉนดที่ดินให้ ฟ้องร้องกันอยู่ ส่วนวัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ที่ประชุมยกมาเป็นกรณีตัวอย่างนี้ ที่บอกว่ามีเป็นพันไร่ ต้องยอมรับว่าจริง ท่านทำรั้วเรียบร้อยแล้ว ยุคหลวงปู่แบน ไม่มีใครร้อง เพราะท่านเป็นพระผู้ใหญ่มีคนนับถือมาก แม้พระบรมวงศานุวงศ์ ก็ไปกราบท่าน จึงไม่มีปัญหา ตอนนี้ทราบว่ากรมอุทยานบอกว่าบุกรุก 900 กว่าไร่ ซึ่งก็ต้องว่ากันไป พระสงฆ์สายวัดป่าท่านอยู่ป่า ปฎิบัติธรรม ท่านอยู่พันกว่าไร่ ก็เพื่อจาริกปฎิบัติธรรม พระสายวัดป่านอกจากอาศัยป่าปฎิบัติธรรมแล้ว ยังป้องกันป่าไม่ให้ถูกทำลายทั้งจากประชาชนและไฟป่าด้วย..”
Leave a Reply