ชาวพุทธต้องมี “นักประสานสิบทิศ”  

 ช่วงนี้เกิดวิวาทระหว่างคนเคยบวชกับคนกำลังบวช แล้วรู้สึก “เซ็ง” ในอารมณ์ ไม่อยากจะวิพากษณ์วิจารณ์อะไรมาก ดูแล้ว พูดเอาดี ทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งบอกว่าควร “กตัญญูต่อผ้าเหลือง”  อีกฝ่ายตอกกลับว่า “ควรกตัญญูต่อชาวบ้าน”

        เรื่องนี้บางอย่าง “คนที่กำลังบวชอยู่” ก็พูดไม่ได้เรื่อง ลักษณะพูดไม่ดูจังหวะแบบนี้ คนพูดเคยมีประสบการณ์ออกทีวี ถูกตัดกลางอากาศมาแล้ว??  น่าจะมีบทเรียน

       บางเรื่อง “คนเคยบวช” จะพูด จะทำอะไร บางเรื่องแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ดูไม่เหมาะในแง่  “บ้านเคยอยู่ อู่เคยนอน” หรือสุภาษิตที่ว่า “ดื่มน้ำอย่าลืมคนขุดบ่อ”  แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิของท่านที่จะพูด ส่วนเหมาะหรือไม่เหมาะ  อยู่ที่ใครคิด?

       แม้คนที่กำลังจะแปรงร่าง “บางอย่าง” ที่ทำก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยทั้งหมด ตอนนี้บอกตรง ๆ หมดอารมณ์วิพากษ์ วิจารณ์  วิเคราะห์   สงสาร “พระพุทธศาสนา”

       หากศาสนาอื่นเขามี “จุดศูนย์กลาง” มี   “มือประสาน” จัดการเรียบร้อยแล้ว

ยิ่งฟังพระคุณเจ้า ชาวพุทธ พูดถึงหลักสูตรพระพุทธศาสนาที่ฝ่ายบ้านเมืองกำลังจะ “ตัดออก” แล้วไปบูรณาการไว้ในหลักสูตรต่าง ๆ  เหมือนเอาหลักธรรมพุทธศาสนาเป็น “กาฝาก” ให้แต่ละโรงเรียนบริหารจัดการเอง ได้ยินได้ฟังยิ่ง “ท้อแท้” สิ้นหวังกับสิ่งที่อยากเห็นความเจริญ ความมั่นคงพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

      บรรดาพระราชาคณะตั้งแต่ “สมเด็จพระสังฆราช” ลงมา จนถึง พระครู ตอนนี้ “นิ่งเงียบ” กันหมด หากพูดว่ากลัว อาจจะดูแรงไป ขอใช้คำว่าเกรง  ราชภัย”  ก็พอ

        พระพุทธศาสนาในประเทศไทย “หมดหลัก” ให้ยึดเหนี่ยวแล้ว “ต่างคนต่างเอาตัวรอด”

       เป็นยุคที่ เด็กไม่เคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่รู้จักสอนเด็ก ต่างคนต่าง “ระเบิดอารมณ์” ใส่กันผ่านสื่อออนไลน์

ยุคนี้เกิดปะทะทางความคิดระหว่าง “คนสองวัย” ครั้งใหญ่ในสังคมไทย อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับ “รากเหง้าทางวัฒนธรรม” ให้ความสำคัญสิ่งดีงามที่ “ประเทศไทย” ต้องมี

         อีกฝ่ายมองการ “กดขี่” ทางวัฒนธรรม มอง “สิทธิ” ที่มนุษย์พึงมีบนฐานแห่งความเท่าเทียม บนฐานแห่งเสรีภาพ เป็นหลัก

         สังคมพุทธไทยมีแต่ “นักสร้าง” มีแต่  “นักบุญ”  แต่   “ขาดนักประสาน” มืออาชีพ

 ซ้ำรัฐไทย คิดแต่เพื่อตัวเองและพวกพ้อง  คิดแต่เพื่อ “ความมั่นคง” แห่งรัฐ  คิดทุกอย่าง “รวมศูนย์อำนาจ”  สุดท้าย..ล่มทุกสถาบัน ไม่ทาง นิตินัย ก็ทาง พฤตินัย!!

        หลัง ๆ มานี้หลายเรื่อง “เปรียญสิบ” ชักจะเห็นด้วยกับ “พุทธะอิสระ”  กรณีเตือน สนธิญา สวัสดี ฟ้องมหาไพรวัลย์ ก็เช่นกัน ที่พุทธะอิสระเตือนว่า  เขามีสิทธิ์จะพูดเท่าที่เขาอยากพูด อยากแสดงตราบเท่าที่สิ่งที่เขาพูด เขาแสดง มันไม่ไปละเมิดสิทธิ์ใคร ไม่ละเมิดกฎหมายใด  ๆ ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ ก็ต้องไปถามบรรดามหาเปรียญดู..

 “เปรียญสิบ” คิดอยู่ว่า อยากมีองค์กร สำหรับชาวพุทธสักองค์กรหนึ่ง จะเป็นมูลนิธิหรือสมาคมก็ได้เพื่อเป็น มือประสาน เรื่องต่าง ๆ ในหมู่ชาวพุทธด้วยกันเองนี่แหละ โดยไม่ต้องพึ่งพาคณะสงฆ์และรัฐ!! และต้องไม่หวังเล่นการเมือง

         แต่มีเป้าหมายประสานงานระหว่างคณะสงฆ์ รัฐ และประชาชน!! แค่นี้พอ!!

Leave a Reply